“มาสด้า” ลั่น 5 ปีมาแน่ไฮบริด ประเดิมเก๋งเล็ก-ลุยขยายตลาดมือสอง

มาสด้าเผยยังไม่ถึงเวลาของรถอีวี แต่พร้อมศึกษาทุกพลังงาน แย้มภายใน 5 ปี มีลุ้นมาสด้า2 ไฮบริด/ปลั๊ก-อิน ไฮบริดก่อน เดินตามแผนระยะกลางลุยรถมือสองจับฐานลูกค้าเก่า

นายทาดาชิ มิอุระ ประธานบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยถึงแผนการดำเนินธุรกิจระยะกลาง (2022-2025) ของมาสด้าในประเทศไทยว่า มาสด้าเน้นนโยบายการสร้างความพึงพอใจจากประสบการณ์ “การถือครอบครอง” ของลูกค้าให้ได้มากที่สุด โดยอยู่ระหว่างการปรับรูปแบบการดำเนินธุรกิจ เน้นการทำธุรกิจบนฐานลูกค้าเดิม ด้วยการสร้างคุณค่าของแบรนด์ และความผูกพันของแบรนด์กับลูกค้า ให้มีความแข็งแกร่ง

ทาดาชิ มิอุระ mazda
ทาดาชิ มิอุระ

โดยเริ่มจากการทำตลาดรถยนต์ใช้แล้ว หรือ MAZDA CPO (Mazda Certified Pre-Owned) เพื่อเพิ่มมูลค่ารถยนต์ของมาสด้าให้ดียิ่งขึ้น ปัจจุบันมีศูนย์ทั้งสิ้น 10 แห่งทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด และมีดีลเลอร์ให้ความสนใจจะเข้าร่วมอีกอย่างน้อย 26 แห่ง

“ปีนี้เป็นปีแรกของแผนระยะกลาง ที่จะมุ่งเน้นรักษาความสุขของลูกค้าอย่างต่อเนื่อง โฟกัสคุณภาพประสบการณ์ของลูกค้าต่อเเบรนด์ผ่านดิจิทัล เพื่อผลักดันให้เกิดการดูแลลูกค้าให้ดีขึ้น ดูแลบริการธุรกิจของดีลเลอร์ เพื่อเพิ่มคุณภาพเครือข่ายผู้จำหน่าย เป็นวันสต็อปเซอร์วิส เพื่อเพิ่มความพึงพอใจของลูกค้าในทุก ๆ ด้าน”

ทั้งนี้ เนื่องจากพฤติกรรมและการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมในปัจจุบัน ส่งผลให้มาสด้าจำเป็นต้องจัดลำดับความสำคัญของแผนธุรกิจไปโลกยุคดิจิทัลเป็นสิ่งที่มีอิทธิพลของอุตสาหกรรมโดยเฉพาะการบริหารการสื่อสารกับลูกค้าที่มีประสิทธิภาพ ด้วยการนำแพลตฟอร์มดิจิทัลเข้ามาใช้เพื่อทำให้โมเดลการจำหน่ายเปลี่ยนไป

ขณะที่ตลาดรถยนต์ในปีนี้ หากประเมินจากตัวเลขของสภาพัฒน์ที่เชื่อว่าจะมีอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจ อยู่ 2.5-3.5% โดยมีปัจจัยบวกมาจากการบริโภคในประเทศมากขึ้น การท่องเที่ยวเริ่มฟื้น การส่งออกขยายตัวมากขึ้น แต่ทั้งนี้ยังต้องจับตาปัจจัยลบที่อาจจะเกิดขึ้น ทั้งราคาน้ำมัน ภาวะเงินเฟ้อ รัสเซีย-ยูเครน และเซมิคอนดักเตอร์ที่มีผลต่อการผลิตรถ

โดยปีนี้คาดว่าจะมียอดขายรถยนต์โดยรวมที่ 820,000-850,000 คัน ส่วนมาสด้าตั้งเป้าไว้ที่ 45,000 คัน จากในช่วง 5 เดือนแรก (ม.ค.-พ.ค.) มียอดขายที่ 17,000 คัน มีส่วนแบ่ง 4.7% โต 6% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ทั้งนี้เชื่อว่าในช่วงครึ่งปีหลัง ปัญหาเซมิคอนดักเตอร์จะคลี่คลาย และมาสด้าเตรียมปรับเปลี่ยนสินค้าเพื่อเสนอต่อลูกค้า

ประธานบริหารยังกล่าวเพิ่มเติมว่า มาสด้ากำลังศึกษาอยู่หลายทางเลือกที่มากกว่าเดิม ปัจจุบันมาสด้ามีเทคโนโลยีใช้พลังงานไฟฟ้าหลากหลายรูปแบบ เช่น EV, PHEV, HEV ซึ่งกำลังศึกษาเพื่อให้เกิดการแนะนำในเวลาที่เหมาะสม โดยใช้ความคาดหวังของลูกค้าเป็นหลัก

โดยเทคโนโลยีที่มีความเป็นไปได้มากที่สุดคือ PHEV, HEV ที่น่าจะได้เห็นภายในระยะเวลา 5 ปีจากนี้ และน่าจะเป็นโมเดลของมาสด้า2 ก่อน เนื่องจากไทยเป็นฐานผลิตมาสด้า2 ที่ใหญ่
ที่สุด

“มาสด้าเป็นเเบรนด์เล็ก ๆ ที่พยายามหาเเนวทางของตัวเองเพื่อแข่งขันได้ในตลาดในรูปแบบของผู้เล่นขนาดเล็ก เป้าหมายของเราคือต้องการเป็นแบรนด์ที่ถูกเลือกอย่างมีเหตุมีผล และจะเพิ่มความพึงพอใจของลูกค้าตลอดระยะเวลาการครอบครองรถ ราคาน้ำมันที่สูงขึ้นในปัจจุบัน ขึ้นมามากกว่า 30% รถ HEV เป็นทางเลือกในช่วงน้ำมันแพง เช่นเดียวกันวันนี้ ลูกค้ามาสด้า3 เปลี่ยนมาซื้อมาสด้า2 เยอะ ถือเป็นโอกาสในช่วงที่ราคาน้ำมันเเพงขึ้น”

อนึ่งสำหรับการก้าวเข้าสู่แผนระยะกลาง (2022-2025) ในวันที่มาสด้ามุ่งสร้างความสุข จากประสบการณ์ลูกค้า ส่วนปีนี้มาสด้าจะไม่มีรุ่นใหม่ทำตลาดแน่ แต่ทุกรุ่นมี เฟซลิฟต์และไมเนอร์เชนจ์ เพื่อไปสู่เป้ายอดขายที่ตั้งไว้สูงถึง 45,000 คัน ให้ได้นะ ขณะที่รถอีวี ขอเวลาศึกษายาว ๆ ลุ้นว่าในระยะเวลา 3-5 ปี จะมี PHEV และ HEV ใน Mazda2 ซึ่งน่าจะมาใกล้เคียงกรอบภาษีใหม่ที่รัฐบาลพร้อมบังคับใช้กับรถยนต์สันดาป