
เป็นประเด็นถกเถียงกันพักใหญ่ว่าตลาดรวมรถยนต์ปี 2560 ตัวเลขจะออกมาเท่าไหร่กันแน่ แต่วันนี้ “มิจิโนบุ ซึงาตะ” เจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ออกมาสะท้อนทิศทางตลาดทั้งครึ่งปีแรกและภาพรวมครึ่งปีหลังว่า ตลาดรวมน่าจะขยายตัวไปถึง 830,000 คัน เพิ่มขึ้นจากที่ประเมินเมื่อต้นปีแค่ 8 แสนคัน โดยยืนยันเป้าขายยี่ห้อโตโยต้ายังเท่าเดิม 265,000 คัน โตเพิ่มขึ้น 8% ส่วนแบ่งตลาด 31.9%
Q : ตลาดขยายตัวต้องปรับกลยุทธ์อย่างไร
ผมเข้ามารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 1 เมษายนที่ผ่านมา การมาประเทศไทยครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่ 2 เพราะก่อนหน้าที่จะมารับหน้าที่ดูแลตลาดประเทศไทย ผมเคยดูแลรับผิดชอบตลาดในภูมิภาคนี้มาก่อน และเมื่อช่วงปี พ.ศ. 2540 ผมเคยมาประจำในประเทศไทย ดังนั้นจึงมีความคุ้นเคยพอสมควร ตลาดรถยนต์ไทยถือเป็นตลาดที่มีความแข็งแรง
เชื่อว่าความต้องการใช้รถ ต่อปีราว 900,000 คัน เหมือนที่ นายเคียวอิจิทานาดะ ประธานคนเก่าได้เคยกล่าวไว้ ที่สำคัญประเทศไทยถือเป็นตลาดที่สำคัญต่อโตโยต้าอย่างยิ่ง ทั้งเป็นฐานการผลิต การขายและเป็นฐานในการพัฒนาเทคโนโลยีต่าง ๆ ที่สำคัญของภูมิภาค โดยโตโยต้าจะยังคงให้ความสำคัญกับประเทศไทยต่อไป ส่วนกลยุทธ์ก็ยังคงใช้แนวทางเดิม ซึ่งจะเพิ่มเติมโปรดักต์ใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง
Q : ตลาดครึ่งปีแรกสะท้อนอะไรบ้าง
สำหรับ ตลาดรถยนต์ในช่วงครึ่งปีแรก มียอดขายระดับ 409,980 คันโต 11% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน แบ่งเป็น รถยนต์นั่ง 161,483 คัน โต 25% รถเพื่อการพาณิชย์ 248,497 คัน โต 3.8% รถกระบะ 1 ตันรวมพีพีวี 201,019 คัน โต 4.4% โตโยต้ามียอดขาย 112,488 คัน โต 3% และมีส่วนแบ่งทางการตลาด 27.4% แบ่งเป็น รถยนต์นั่ง 45,167 คัน โต 26.5% มีส่วนแบ่ง 28% รถเพื่อการพาณิชย์ (รวมปิกอัพและพีพีวี) 67,321 คัน ลดลง 8.3% ซึ่งแม้ว่าตัวเลขดังกล่าวจะต่ำกว่าอัตราการเติบโตของตลาดรถยนต์รวม ทั้งนี้ มีปัจจัยหลักมาจากการที่มีคู่แข่งเยอะขึ้น และค่ายรถยนต์อื่น ๆ ต่างทยอยเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่หลากหลายรุ่นเข้าสู่ตลาดในช่วงครึ่งปีแรก ขณะที่ตลาดส่งออกทำได้ 135,332 คันลดลง 19% คิดเป็นมูลค่าการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป 72,750 ล้านบาท และมีการส่งออกชิ้นส่วน มูลค่า 33,823 ล้านบาท รวมเป็นมูลค่าการส่งออกที่ 106,573 ล้านบาท
Q : เชื่อมั่นแผนกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐแค่ไหน
สำหรับในช่วงครึ่งปีหลังจากปัจจัยที่เราได้ประเมินว่าน่าจะส่งผลดีต่อยอดขายรถยนต์ โดยรวมนั้น เชื่อว่าผลจากปัจจัยบวกจากการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ
(จีดีพี) มาตรการกระตุ้นการลงทุนของภาครัฐ ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่สูงขึ้น และการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ ๆ ออกสู่ตลาด น่าจะส่งผลทำให้ตลาดรถยนต์ทั้งปีเติบโตเพิ่มขึ้น มียอดขายรวมเพิ่มขึ้นระดับ 830,000 คัน มากกว่าเดิมที่คาดไว้ 800,000 คัน โต 8%
โตโยต้ายังคงยึดเป้าหมายยอดขายเดิมที่ 2.65 แสนคัน เพิ่มขึ้น 8% ส่วนแบ่งตลาด 31.9% แบ่งเป็น รถยนต์นั่ง 110,000 คัน ส่วนแบ่งตลาด 32.4% รถเพื่อการพาณิชย์ 155,000 คัน ส่วนแบ่งตลาด 31.6% รถกระบะ 1 ตัน (รวมรถพีพีวี) 147,000 คัน ส่วนแบ่งตลาด 37.3% โตโยต้ามั่นใจว่าเป้าหมายที่วางไว้ โตโยต้า
จะสามารถทำได้อย่าง แน่นอน เพราะเรามีแผนที่จะส่งผลิตภัณฑ์ใหม่อีกหลายรุ่นในช่วงครึ่งปีหลังเพื่อเพิ่ม ยอดขาย ส่วนการส่งออกประมาณการว่าจะส่งออกอยู่ที่ 2.91 แสนคันลดลง 9% จากปีที่แล้ว เป็นผลกระทบจากตลาดในกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง รวมถึงตลาดในกลุ่มประเทศอเมริกากลาง และอเมริกาใต้ มีความต้องการลดลง
Q : แผนบุกตลาดครึ่งปีหลัง
แน่นอน ว่าในครึ่งปีแรก ยอดขายอาจจะไม่น่าพอใจสำหรับโตโยต้า นั่นเป็นเพราะเราไม่มีสินค้าใหม่ ๆ ออกสู่ตลาดเหมือนเช่นค่ายรถยนต์อื่น ๆ แต่เรามั่นใจว่าในช่วงเวลาที่เหลือ เราจะไปสู่เป้าหมายที่ตั้งไว้ เพราะในเดือนหน้า โตโยต้าจะแนะนำรถยนต์รุ่นใหม่ออกสู่ตลาด และนั่นเป็นสิ่งที่เราไม่เคยมีมาก่อน รวมทั้งมีรุ่นใหม่ ๆ ออกสู่ตลาดให้เห็นอย่างแน่นอน
Q : โตโยต้าวางแผนเติบโตไปกับรัฐบาลไทยอย่างไร
ก่อนอื่นเราต้องขอบคุณรัฐบาลไทยที่ให้การสนับสนุนอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยเป็นอย่าง ดี และเพื่อให้สอดคล้องกับแผนงานของรัฐบาล เรายังคงมุ่งมั่น
มีส่วน ช่วยส่งเสริมและตอบสนองต่อนโยบายไทยแลนด์ 4.0 และการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) ของรัฐบาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านแผนการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ซึ่งโตโยต้ายังคงมุ่งเน้นการเพิ่มศักยภาพและพัฒนาขีดความสามารถของวิศวกรไทย ในด้าน
การวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ ผ่านพันธกิจของบริษัท โตโยต้า ไดฮัทสุ เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ แมนูแฟคเจอริ่ง จำกัด (TDEM) ในแผนการดำเนินการและสนับสนุนการพัฒนารถยนต์นั่งส่วนบุคคลขนาดเล็กในตลาดที่ มีแนวโน้มการเติบโตสูง พร้อมทั้งขยายโครงการความร่วมมือด้านการถ่ายทอดความรู้แก่ภาคอุตสาหกรรมอีก ด้วย
Q : ให้ความสนใจแพ็กเกจส่งเสริมอันไหนเป็นพิเศษ
สำหรับแพ็กเกจที่สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนได้ประกาศ ส่วนลดภาษี 50% สำหรับรถไฮบริด แต่มีข้อแม้ว่าเราต้องยื่นขอรับการส่งเสริมไปภายในสิ้นปีนี้นั้น เชื่อว่าโตโยต้าเราเองก็จะสามารถยื่นขอรับการลงทุนได้ทัน และคาดว่าบีโอไอจะอนุมัติการส่งเสริมด้วย ตอนนี้เราอยู่ระหว่างขั้นตอนของการประสานงานและเตรียมรายละเอียด ส่วนรถไฮบริด
ของโตโยต้าวันนี้มีเพียงรุ่นคัมรี่ ที่ทำตลาดในประเทศไทย ซึ่งมีราคาจำหน่ายค่อนข้างพรีเมี่ยมและจำนวนยังไม่มากนัก ตอนนี้เราก็พยายามศึกษารายละเอียด เพื่อทำให้ผู้บริโภครู้สึกคุ้มค่ามากที่สุด ทั้งราคาจำหน่ายและอื่น ๆ ซึ่งกำลังศึกษาความเป็นไปได้ว่าจะสามารถยืดระยะเวลาวอร์แรนตีแบตเตอรี่เพิ่ม ออกไปอีกได้หรือไม่
Q : ความสำเร็จของโตโยต้าในภูมิภาคนี้
ตลาดรถยนต์ในภูมิภาคอาเซียน ปีที่แล้วมียอดขาย 3.2 ล้านคัน ส่วนปีนี้คาดว่าจะขายได้เพิ่มขึ้นอีก 1 แสนคัน เป็น 3.3 ล้านคัน โดยโตโยต้าตั้งเป้ายอดขายไว้มากกว่าปีก่อนที่ทำได้ 950,000 คัน
Q : แผนเพิ่มศักยภาพกำลังผลิตในประเทศ
สำหรับประเทศไทย โตโยต้ามี 3 โรงงาน กำลังผลิตอยู่ที่ 750,000 คัน วันนี้เราใช้ไปเพียง 65% เท่านั้น โดยกำลังผลิต 60% เป็นการรองรับกับตลาดในประเทศ และอีก 40% เป็นการรองรับตลาดส่งออก และเรายืนยันว่าตั้งแต่วันนี้จะไม่มีการลดกำลังการผลิตแต่อย่างใด เพราะเรามีแผนส่งรถรุ่นใหม่ออกสู่ตลาด เราจำเป็นต้องอาศัยแรงงานที่มีอยู่ในปัจจุบันเพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่ง