มาเซราติ ลาแวนเต้ โทรเฟโอ ลอนช์ เอดิชั่น เอสยูวีสุดหรู คันเดียวในไทย

ค่ายมาเซราติ ประเทศไทย จัดงานเปิดตัวรถยนต์ลักเซอรี่เอสยูวี ลาแวนเต้ โทรเฟโอ ลอนช์ เอดิชั่น ในบ้านเราเป็นที่เรียบร้อยแล้วเพื่อให้ลูกค้าในไทยได้สัมผัสกับหนึ่งในเอสยูวีพันธุ์หรูที่แรงและเร็วสุดในโลก ซึ่งมีเพียง 100 คันทั่วโลก และเพียง 1 คันในประเทศไทยเท่านั้น

มาเซราติเพิ่มความสปอร์ตให้กับลาแวนเต้ โทรเฟโอ ลอนช์ เอดิชั่น ด้วยเส้นสายอันโดดเด่น และตัวถังพ่นสีน้ำเงินด้าน “Blu Emozione Matte”

มาพร้อมชุดแต่ง Nerissimo Package ไฟหน้าฟูลเมทริกซ์แอลอีดี กระจังหน้าทรงตั้งสีดำเปียโนแบล็ก ช่องดักลมแบบตาข่ายด้านล่าง ช่องดักอากาศด้านข้างบริเวณส่วนล่างของกระจังหน้า ปรับแต่งใหม่ให้มีรูปลักษณ์ดุดันขึ้น มีลักษณะคล้ายปีก รีดอากาศให้กดลงบนล้อคู่หน้า เพิ่มเสถียรภาพช่วงความเร็วสูง

ฝากระโปรงหน้าคาร์บอนไฟเบอร์พร้อมช่องระบายอากาศ ฝาครอบเครื่องยนต์ผลิตจากคาร์บอนไฟเบอร์ พร้อมสัญลักษณ์ V8 และโลโก้ตรีศูล ส่วนฝาสูบและท่อไอดีพ่นสีแดงให้ดูสปอร์ต

ส่วนด้านหลังดูบึกบึนและกว้างขึ้น ติดตั้งโลโก้สัญลักษณ์ “Saetta Trofeo” บริเวณเสาซี ตกแต่งด้วยเพลตคาร์บอนไฟเบอร์และสปอยเลอร์กันชนหลังสีเดียวกับตัวถัง ล้อมรอบปลายท่อไอเสียแบบคู่ ยิงออก 2 ฝั่ง

ภายในห้องโดยสาร มาในสไตล์อิตาเลียนสุดหรูหราและเป็นสปอร์ต ตกแต่งด้วยคาร์บอนไฟเบอร์ผิวด้าน ติดตั้งป้ายโลหะ “1 of 100” บริเวณคอนโซลกลาง เพิ่มกราฟิก “Trofeo” บนจอแสดงผลอเนกประสงค์

เบาะทรงสปอร์ตหุ้มหนังแท้ “Pieno Fiore” มีให้เลือกทั้งสีดำ, แดง หรือน้ำตาลอ่อน เย็บตะเข็บด้วยเส้นด้ายสีตัดกัน พร้อมปักโลโก้ “Trofeo” บริเวณหมอนรอง ติดตั้งชุดเครื่องเสียงพรีเมี่ยมเซอร์ราวนด์ Bowers & Wilkins 17 ลำโพง 1,280 วัตต์

ลาแวนเต้ โทรเฟโอ ลอนช์ เอดิชั่น คันนี้มากับขุมพลังที่เครื่องยนต์เบนซิน วี8 สูบ 3.8 ลิตร เทอร์โบคู่ ปรับแต่งอุปกรณ์ภายในฝาสูบและเสื้อสูบ พร้อมจูนกล่องอีซียูใหม่ ด้วยกำลังสูงถึง 590 แรงม้าที่ 6,250 รอบ/นาที แรงบิด 730 นิวตันเมตรที่ 2,250-5,000 รอบ/นาที

ทำงานร่วมกับระบบขับเคลื่อน 4 ล้ออัจฉริยะ Q4 อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 3.9 วินาที ท็อปสปีด 304 กม./ชม.
มีโหมดการขับ “Corsa” พร้อมระบบ launch control จะเพิ่มการตอบสนองของคันเร่ง, เกียร์, ลดความสูง ช่วงล่าง และปรับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ Q4 ให้เหมาะกับการทำความเร็วสูงสุด เมื่อผสานกับอัตราส่วนการกระจายน้ำหนัก ที่สมดุล 50 : 50 และจุดศูนย์ถ่วงต่ำ

ซึ่งถูกติดตั้งเพิ่มเติมจาก 4 โหมดการขับเดิม คือ Normal, I.C.E., Sport และ Off-Road ช่วงล่างหน้าดับเบิลวิชโบน หลังมัลติลิงก์ ใช้ชุดเบรก จับคู่กับล้อแม็กฟอร์จ “Orione” พ่นสีด้าน ขอบ 22 นิ้ว ยางคอนติเนนทอล Sport Contact 6

ราคาค่าตัวของรถคันนี้อยู่ที่ 20.49 ล้านบาท และเพิ่มแพ็กเกจ PMP (Premium Maintenance Program) 500,000 บาทรวมเป็น 20.99 ล้านบาท