“นิสสัน ลีฟ” ใหม่ เทรนด์เซ็ตเตอร์ “รถไฟฟ้า” เมืองไทย

ชัดเจนอย่างยิ่งว่านิสสันกำลังมุ่งหน้าสู่นวัตกรรมยานยนต์โลกที่ใช้พลังงานไฟฟ้า 100% หรือ EV ด้วยความมุ่งมั่น เช่นเดียวกับเมืองไทยเองนิสสันพยายามสื่อสารเรื่องนี้มานาน รวมถึงล่าสุดที่ บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด เตรียมนำนิสสัน ลีฟ ใหม่ มาเปิดตลาดในบ้านเราอย่างแน่นอน

งานโตเกียวมอเตอร์โชว์กลางเดือน ตุลาคมที่ผ่านมา นิสสัน แสดงถึงศักยภาพรถยนต์ EV ต่ออุตสาหกรรมยานยนต์โลก โชว์เหนือให้เห็นถึงความพยายามนี้ เปิดเผยโฉม นิสสัน ไอเอ็มเอ็กซ์ ครอสโอเวอร์รุ่นต้นแบบพลังงานไฟฟ้า ด้วยเทคโนโลยีขับขี่อัตโนมัติเต็มรูปแบบ

วิ่งได้ไกลถึง 600 กิโลเมตร จากการชาร์จไฟ 1 ครั้ง จากเดิมที่การพัฒนารถอีวี จะมุ่งตอบสนองการขับขี่ในเมือง แต่นิสสัน ไอเอ็มเอ็กซ์ คือรถในกลุ่มครอสโอเวอร์!!!

เส้นทางการพัฒนาที่ควบคู่ไประหว่างการเพิ่มระยะทางต่อการชาร์จแบตเตอรี่ 1 ครั้ง นิสสันก็เหมือนกับยักษ์ใหญ่โลกยานยนต์อื่น ๆ นั่นคือ มุ่งพัฒนาระบบขับขี่อัตโนมัติ (autonomous drive) ประมาณว่านอกจากมุ่งตอบโจทย์สังคม ลดค่ามลพิษให้เป็นศูนย์ ยังให้ความสำคัญกับความปลอดภัยบนท้องถนนไปพร้อม ๆ กัน

ข้อมูลทางเทคนิคที่ได้รับก็คือ ในปี 2010 นิสสัน ลีฟ รุ่นแรก ใช้แบตเตอรี่ขนาด 24 kWh วิ่งได้ไกล 200 กิโลเมตร และขยับเป็น 228 กิโลเมตร ในปี 2013

ในปี 2015 นิสสันเพิ่มขนาดแบตเตอรี่เป็น 30 kWh ทำให้วิ่งได้ 280 กม. และล่าสุดกับ นิสสัน ลีฟ ใหม่ ใช้แบตเตอรี่ 40 kWh เมื่อชาร์จจนเต็มความจุ จะวิ่งได้ไกลถึง 400 กิโลเมตร กรุงเทพฯ-ขอนแก่น หรือพิษณุโลก แบบสบาย ๆ

นิสสันอธิบายว่า การจัดเรียงสารเคมีในแบตเตอรี่เป็นชั้น ๆ รวมถึงการแพ็กแบตเตอรี่แบบใหม่ ทำให้ความจุพลังงานไฟฟ้ามีมากขึ้น วิธีนี้ทำให้น้ำหนักตัวแบตเตอรี่ไม่ได้เพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย

ในทางกลับกัน ขณะที่การชาร์จต่อครั้งจะวิ่งได้ไกลขึ้น นิสสันพยายามลดระยะเวลาในการชาร์จไฟต่อครั้งให้สั้นลงกว่าเดิม

นิสสัน LEAF รุ่นแรกต้องใช้เวลาเกือบ 30 นาที สำหรับการขับขี่ 100 กม. แต่ลีฟใหม่ใช้เวลาชาร์จเพียง 15 นาที และอนาคตตั้งเป้าจะใช้เวลาที่สั้นกว่านี้

จริงอยู่ยอดขายรถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าเมื่อเทียบกับเครื่องยนต์สันดาปภายในยังแตกต่างกันมาก

แม้ว่าล่าสุดนิสสัน ลีฟ เป็นรถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าที่มียอดขายมากที่สุดในโลก โดยเฉพาะ ลีฟ ใหม่ ที่คาดว่าจะมียอดขายในปีนี้ถึง 400,000 คัน

 

เทียบกับยอดขายนิสสัน อินฟินิตี้ และนิสสัน ในปีงบประมาณ 2559 ที่ผ่านมา มียอดขายมากกว่า 5.63 ล้านคันทั่วโลก

เส้นทางพัฒนาของนิสสันเหมาะเจาะกับหลาย ๆ ประเทศทั่วโลกกำลังตื่นตัวกับภาวะโลกร้อน ยุโรปที่ประกาศตัวชัด หรือจีน ซึ่งเป็นตลาดที่มีความสำคัญมากอีกแห่งหนึ่งประกาศตัวอ้าแขนรับรถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้า

รวมถึงประเทศไทยคือหมุดหมายสำคัญของนิสสัน ที่ต้องการสร้างชื่อในฐานะผู้วางตลาดรถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้า 100% เป็นรายแรก ประกาศนำ นิสสัน ลีฟ เปิดตลาดเมืองไทยภายในปีหน้านี้อย่างแน่นอน

นอกจากจะปรับปรุงโฉมโฉบเฉี่ยวน่าใช้ หัวใจสำคัญ (ของรถยนต์ EV) อยู่ที่แบตเตอรี่จุเพิ่มขึ้นอีก 67% ทำให้การชาร์จไฟ 1 ครั้ง วิ่งได้ไกล 400 กิโลเมตร

ใช้งาน 1 วันเต็ม ๆ แบบสบาย ๆ

จากการได้สัมผัส นิสสัน ลีฟ ใหม่ อเนกประสงค์ด้วยรูปทรง hatchback กว้างขวาง สะดวกสบาย เหมาะสำหรับครอบครัว

พิเศษกว่านั้น LEAF ใหม่ตัวนี้มาพร้อมกับเทคโนโลยีขับขี่อัจฉริยะ (autonomous driving)

เริ่มจาก ProPIROT ช่วยให้ผู้ขับขี่ควบคุมทิศทาง ให้ตัวรถอยู่ตรงกลางของช่องจราจร โดยที่ยังคงรักษาความเร็วตามที่ผู้ขับขี่กำหนด และระยะห่างจากรถคันหน้า (เปิดโหมดแล้วจะรักษาความเร็ว (ที่ตั้งไว้) ให้เรียบร้อย)

การใช้งาน ProPIROT ออกแบบให้ทุกคนใช้งานอย่างง่าย ๆ กดสวิตช์ที่พวงมาลัยเพื่อตั้งความเร็ว และกดปุ่มยกเลิก หรือเหยียบเบรก เพื่อหยุดใช้งาน ProPIROT

e-Pedal เป็นทั้งคันเร่งและเบรก ง่าย ๆ คือ เมื่อกดน้ำหนักเท้าลงไปบนแป้นจะเป็นคันเร่ง และจะชะลอความเร็วจนถึงขั้นหยุดนิ่ง เมื่อยกเท้าออกจากแป้น

แน่นอนว่าผู้ขับขี่จะเปิดสวิตช์เพื่อใช้งาน e-Pedal หรือเลือกการขับขี่แบบปกติก็ได้

นิสสัน ลีฟ ใหม่ ยังมีระบบช่วยจอดอัตโนมัติ ทั้งเอาท้ายเข้า หัวเข้า หรือจอดขนานกับฟุตบาท แค่กดปุ่มสั่งการ นั่งกอดอกเฉย ๆ ให้ระบบการขับขี่อัตโนมัติ นำรถถอยเข้าซองให้เรียบร้อย

ทีมงานนิสสัน ให้เราทดลองขับขี่ นิสสัน ลีฟ ใหม่ โดยมีจุดสตาร์ตหน้าสำนักงานใหญ่ของนิสสันในโยโกฮาม่า ลัดเลาะไปตามท้องถนน ก่อนจะทะยานเข้าสู่ทางด่วนสาย Shutoko สิ้นสุดที่โยโกฮาม่าเบย์ไซด์ รวมกว่า 30 กิโลเมตร

ต้องบอกว่าตลอดระยะทางไป-กลับ 60 กิโลเมตร ในแง่การขับขี่ นิสสัน ลีฟ ใหม่ ให้ความรู้สึกไม่ต่างไปจากรถสันดาปภายในแม้แต่น้อย

ไม่ว่าจะเป็นอัตราเร่ง ที่มักถูกตั้งข้อสงสัยจะสู้รถใช้น้ำมันได้อย่างไร เมื่อได้สัมผัสตัวเป็น ๆ ลีฟ ใหม่ ประกอบกับตัวรถ (ใช้พลังงานไฟฟ้า) ที่เบากว่ารถยนต์สันดาปภายใน (ใช้น้ำมัน) ทำให้ความแรงของมอเตอร์เทียบเท่ากับ 150 แรงม้า แรงบิดปาไปเข้าไปที่ 320 นิวตันเมตร เหลือเฟือกับรถขนาดนี้

น้ำหนักของตัวรถ นิสสัน ลีฟ ซึ่งเบากว่ารถยนต์สันดาปภายใน ทำให้การใช้พลังงานไฟฟ้าประหยัดลงโดยปริยาย

ขณะที่บรรดาเทคโนโลยีขับขี่อัจฉริยะต่าง ๆ ที่ติดมากับ ลีฟใหม่นี้สามารถใช้งานได้ในชีวิตการขับขี่จริง

ทั้ง ProPIROT รวมทั้ง e-Pedal ซึ่งเป็นทั้งคันเร่งและเบรก แม้ช่วงแรก ๆ ยังต้องปรับน้ำหนักเท้าอยู่บ้าง เช่นเดียวกับระบบช่วยจอดอัตโนมัติ ซึ่งควบคุมและสั่งการโดยกล้องและเรดาร์ที่ติดอยู่รายรอบตัวรถ

ผมชอบกระจกมองหลังที่เป็นภาพจากกล้อง ทำให้มุมในการมองกว้างและลึกกว่ากระจกมองหลังแบบเดิม

เสียดายอยู่นิดเดียว ผู้ควบคุมการทดสอบมองความปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ไม่ยอมให้เร่งความเร็วเพื่อแซงคันหน้า

ถ้าปล่อยให้ขับอย่างมีอิสระ เหมือนการขับขี่ในชีวิตจริง คงได้อรรถรสและได้เห็นสมรรถนะที่แท้จริง

สิ้นสุดการทดลองขับ เหลือบดูปริมาณความจุไฟฟ้าที่ใช้หมดไปนิดเดียว

ที่ค้างคาใจคนไทยมานานก็คือ สถานีชาร์จไฟ พอแบตเตอรี่มีความจุแบบนี้ชาร์จที่บ้านก็น่าจะพอไหว ขอเพียงเตรียมกำลังไฟไว้ให้ตรงตามสเป็กที่นิสสันกำหนดเท่านั้น เช่นเดียวกับปัญหาฝนตกน้ำท่วมในบ้านเรา ที่ทีมวิศวกรนิสสันรับรู้ถึงปัญหานี้ดี

สอดคล้องกับ “อันตวน บาร์เตส” กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) ที่ชี้ให้เห็นว่า นิสสัน ลีฟ ใหม่ จะเหมาะกับการใช้ชีวิตในเมืองของครอบครัวที่ใส่ใจในสิ่งแวดล้อมเป็นอย่างยิ่ง

อีกไม่นานเกินรอ เมื่อถึงเวลาออกวางตลาดจริง ๆ คงได้รู้เสียงตอบรับของคนไทยที่มีต่อรถอีวีนั้น จะคึกคักมากน้อยเพียงใด

มองจากความสนใจในรถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้า ที่ปรากฏผลสำรวจระดับโลกเมื่อปี 2015 ชี้ชัดว่า ทุก ๆ 100 คน มีถึง 58 คนที่อยากใช้รถอีวี

รวมถึงประมาณการที่ว่าในปี 2040 หรืออีก 23 ปีข้างหน้า รถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าจะมียอดขายทั่วโลกสูงถึง 65 ล้านคัน


เท่ากับว่า นิสสัน ลีฟ ใหม่ เดิมพันอนาคตตัวเองไว้สูงทีเดียว