เฮลโหล…เอ็มจี แซดเอส สมาร์ทเอสยูวี คันนี้น่าสน

คอลัมน์ เทสต์ คาร์ โดย วุฒิณี ทับทอง

เฮลโหล…เอ็มจี

เฮลโหล….. เอ็มจี เปิดแอร์

เฮลโหลเอ็มจี…เร่งพัดลม

เฮลโหล…เอ็มจี เล่นเพลง (แต่ในกรณีนี้ เราต้องเสียบยูเอสบี เพลงไว้ก่อนแล้ว)

นี่คือ ชุดคำสั่ง ส่วนหนึ่งของระบบอัจฉริยะ i-SMART เวอร์ชั่นล่าสุดที่ถูกนำมาติดตั้งในสมาร์ทเอสยูวี

เอ็มจี แซดเอส (MG ZS) คันนี้ ที่มาพร้อมความภาคภูมิใจของชาวเอ็มจี

เนื่องจาก รถคันนี้ สามารถสั่งงานด้วยเสียงภาษาไทยได้เป็นครั้งแรกของโลก…เพียงแต่ เราต้องสั่งงานตามชุดคำสั่งที่เอ็มจีใส่ข้อมูลเข้ามาไว้ในระบบคำสั่ง เหมือนเช่นข้างต้นเท่านั้น ถือเป็นความแปลกใหม่ และช่วย อำนวยความสะดวกให้กับ ผู้ขับและลูกค้า ชาวไทยได้ระดับหนึ่ง

หลัง จากเปิดตัว รถคันนี้ไปเมื่อวันที่ 14 พ.ย. ที่ผ่านมา ถือว่า กระแสตอบรับนั้นแรงเกินคาด เพราะให้หลังไปไม่ถึงหนึ่งเดือน รถคันนี้ มียอดขายปาเข้าไปกว่า 3 พันคันแล้ว อะไรคือ แรงขับ ทำให้ยอดจองดีวันดีคืน…

งานนี้ “ประชาชาติธุรกิจ” เชื่อว่า การทำการบ้านมาอย่างหนักของค่ายเอ็มจี ทั้งการวางแผนผลิตภัณฑ์ การวางตำแหน่งสินค้า และการวางราคานั้น ทำให้รถคันนี้ น่าสนใจไม่น้อย เพราะในตลาดเอสยูวีขนาดเล็ก-กลาง ที่กำลังขับเคี่ยวกันอย่างสนุกสนาน เอ็มจี ส่ง “แซดเอส” เข้ามา เสียบในช่องว่าง ที่อยู่ระหว่างกลางได้อย่างพอเหมาะพอเจาะ

ซึ่งถือเป็นความตั้งใจที่ “พงษ์ศักดิ์ เลิศฤดีวัฒนวงศ์” รองกรรมการผู้จัดการ เอ็มจี เซลส์ ประเทศไทย ตั้งใจให้เป็นไป

เช่นเคย “ประชาชาติธุรกิจ” มีโอกาส ร่วมทริปทดสอบ และนำประสบการณ์ร่วมกับรถคันนี้มาเล่าสู่กันฟัง หลังจากที่งานนี้ตั้งใจให้เราได้มีประสบการณ์กับรถคันนี้กับแบบเต็ม ๆ และเพื่อให้ได้รับรู้สมรรถนะของตัวรถ รวมถึงการใช้งานระบบ i-SMART ว่าสั่งงานอย่างไร อะไรได้บ้าง ได้นำทีมกระจอกข่าว ร่วมทดสอบ เอ็มจี แซดเอส เส้นทางกรุงเทพฯ – จ.ระยอง-กรุงเทพฯ ระยะทางไม่ไกล เกิน รวมไปกลับ 400 กิโล

สำหรับรถที่เอ็มจีนำมาให้ทดสอบครั้งนี้ เป็นเอ็มจี แซดเอส 1.5 ลิตร รุ่นเอ็กซ์ ตัวท็อป มาพร้อมกับเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด ที่เพียบพร้อมด้วยอุปกรณ์

เอ็มจี แซดเอส วางเครื่องยนต์ DOHC VTi-TECH 4 สูบ เบนซิน 1.5 ลิตร ให้พละกำลัง 114 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 150 นิวตันเมตรที่ 4,500 รอบต่อนาที ผสานการทำงานด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีดพร้อม Manual Mode เหมือนกันทุกรุ่น แต่ที่ทีมงานจัดเตรียมไว้ให้ทดสอบเป็นตัวท็อป รุ่นเอ็กซ์ ใส่อุปกรณ์มาแบบจัดเต็ม โดดเด่นด้วย หลังคาซันรูฟ แบบพาโนรามิก ที่สามารถเปิดได้ถึง 90% และยังสามารถสั่งการเปิด-ปิดได้ ด้วยเสียง

รถคันนี้ยังคงเอกลักษณ์การออกแบบ ภายใต้แนวคิดบริษัทไดนามิกที่มีความทันสมัยและสปอร์ตกว่าเดิม ด้วยกระจังหน้าดีไซน์ใหม่ขนาดใหญ่ที่นำสายตาสู่เส้นสายบนฝากระโปรงด้านท้าย

ไฟท้ายแบบแอลอีดีทิวบ์ (LED tube) ข้างเน้นความปราดเปรียวที่มีเส้นสายชัดเจนพาดจากด้านหน้าไปจนถึงซุ้มล้อหลัง นอกจากนี้ยังโดดเด่นด้วยล้ออัลลอยดีไซน์ใหม่ แบบ Bi-Colour ขนาด 17 นิ้ว

ภายในห้องโดยสารเน้นสีสันแบบทูโทน และวัสดุ ซอฟต์ทัชที่บริเวณแผงประตู และแผงคอนโซล ช่องแอร์ดีไซน์เจ็ต เทอร์ไบน์

ที่ฝั่งซ้ายและขวาแบบสปอร์ต มาตรวัดเรืองแสงพร้อมหน้าจอแสดงผล เบาะคนขับ ปรับด้วยไฟฟ้า รองรับกับสรีระได้ดี ส่วนเบาะที่นั่งด้านหลังพับแยกส่วน 60:40

พื้นที่เก็บสัมภาระส่วนท้ายปรับได้สองระดับโดยปรับระดับเพิ่ม ขึ้นได้อีก 10 ซม. การออกแบบ ภายในห้องโดยสาร ถือว่าทำออกมาได้ค่อนข้างดีเลยทีเดียว แต่อาจจะยังติดขัดเล็กน้อยในส่วนของวัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ ที่น่าจะทำได้ดีกว่านี้ หน้าจอแสดงผลแบบทัชสกรีนขนาด 8 นิ้ว รองรับแอปเปิล คาร์เพลย์ ควบคุมความบันเทิง ฟังก์ชั่น

การใช้งานของรถ รวมถึงระบบเนวิเกเตอร์ และกล้องถอยหลัง อีกหนึ่งสิ่งที่หลายคนพูดถึง คือ ที่เปิดประตูท้ายอยู่ที่โลโก้ เอ็มจี ขนาดใหญ่ ซ้อนตา และเป็นลูกเล่นที่ใส่ เข้ามา

ครั้งนี้ “ประชาชาติธุรกิจ” เลือกรับหน้าที่ ในช่วงเส้นทางขากลับ ระยอง -กรุงเทพฯ เรียกว่าหวดกันมาแบบม้วนเดียวจบ

กระโดด ขึ้นไปนั่ง ในตำแหน่ง หลังพวงมาลัย ปรับตำแหน่ง ที่นั่ง อุปกรณ์อำนวยความสะดวกและความปลอดภัยให้เหมาะสม พร้อมออกเดินทาง ทัศนวิสัยของเอ็มจี แซดเอส คันนี้ ถือว่าทำมาได้ค่อนข้างดีเยี่ยมด้วย การจัดวางตำแหน่ง อุปกรณ์ต่าง ๆ ภายในห้องโดยสารลงตัว สะดวก ต่อการใช้งาน

ช่วงเส้นทางออกจากที่พักมุ่งสู่ถนนใหญ่เราเลือกเส้นทางลัด วิ่ง 2 เลน ผ่านหมู่บ้านสวนยางเป็นระยะเส้นทางช่วงนี้ มีโค้งให้เล่นเพื่อทดสอบความแม่นยำของพวงมาลัย ถือว่าสนุก เมื่อล้อหน้าแตะขึ้นถนนใหญ่ ที่สภาพการจราจรไม่ถึงกับหนาแน่น ได้ลองความคล่องตัว กดแป้นเรียกความเร็ว ตอบสนองได้ดีพอสมควร มุดซ้าย ขึ้นขวา

ก็ทำได้ไหลลื่น

บางจังหวะกดแป้นเรียกความเร็ว ขึ้นไประดับ 150 กิโลเมตรต่อชั่วโมง รถคันนี้ก็ทำได้ แต่ฟังจากเสียงของเครื่องยนต์นั้นต้องออกแรงเค้น กำลังกัน

พอดู แถมเสียงลมที่ปะทะเข้ามาในห้องโดยสารนั้น ค่อนข้างอื้ออึง เอาเป็นว่าพอ….วิ่งระดับนี้เชื่อว่ารถยังไปได้ต่อ แต่ต้องกระชับพวงมาลัยให้หนักมือขึ้นอีกเล็กน้อย

บางช่วงเจอทาง ขรุขระ ต้องทำใจ รถคันนี้ไม่ได้เซต ช่วงล่างมาให้รับแรงกระแทกได้นุ่มนวล เมื่อหลุมลงบ่อ หรือทางขรุขระ จะรับได้ถึงแรงกระเพื่อมขึ้นมา แต่ไม่ถึงกับน่าเกลียด

ส่วนระบบสั่งการอัจฉริยะ i-Smart ไม่ได้ยุ่งยาก ซับซ้อนเกินไป ช่วงแรกอาจจะต้องใช้เวลาปรับทำความเข้าใจ ระหว่างคนกับระบบพอสมควร เพราะระบบรองรับคำสั่ง อาจจะออกอาการ ช้าไปเล็กน้อย ในการประมวลผล นอกจากนี้เอ็มจียังเพิ่มความสะดวก i-SMART MOBILE APPLICATION แอปพลิเคชั่นสั่งงานต่าง ๆ อาทิ ล็อก-คลายล็อกประตูรถ ตรวจสอบตำแหน่งรถ ตรวจสอบความผิดปกติของรถ แจ้งเตือนความผิดปกติของตัวรถหรือคำสั่ง ให้สตาร์ตเครื่องยนต์ พร้อมเปิดแอร์ก่อนล่วงหน้า เพื่อความเย็นฉ่ำล่วงหน้า โดยประตูรถจะยังล็อกอยู่ ฟังก์ชั่นนี้จะทำงาน 10 นาที หากไม่มีการสตาร์ตเครื่องยนต์ด้วยคนขับอีกครั้ง จะหยุดทำงานทันที ด้วย

เอ็ม จี แซดเอส มีให้เลือกทั้งหมด 5 สี ได้แก่ สีแดง Scarlet สีฟ้า Marina Blue สีเงินซิลเวอร์เมทัลลิก สีขาวอาร์คติกไวต์ และสีดำแบล็กไนต์

แถม ลูกค้าที่ซื้อ จะได้รับแพ็กเกจใช้งานระบบอัจฉริยะ i-SMART ฟรี เป็นระยะเวลา 5 ปี และได้รับความอุ่นใจกับการบริการ Passion Service ด้วยการรับประกันคุณภาพนาน 4 ปี หรือ 120,000 กิโลเมตร บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน และศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์ MG Call Centre ตลอด 24 ชั่วโมง รวมไปถึงบริการเช็กระยะนอกสถานที่ด้วย ราคา ค่าตัวที่ดึงดูด เมื่อเที่ยบกับ รถในกลุ่ม เดียวกันแล้ว ที่ 679,000-789,000 บาท

รถคันนี้น่าสนใจไม่น้อย อย่าเพิ่งเชื่อทั้งหมด…จนกว่าคุณจะได้สัมผัสกับเจ้ารถอัจฉริยะคันนี้กันที่โชว์รูมเอ็มจีทั่วประเทศ