บีเอ็มดับเบิลยู 330e M-Sport ขับสนุก…สุขกระเป๋า และเร้าใจ

คอลัมน์ เทสต์ คาร์ โดย วุฒิณี ทับทอง

จั่วหัวไว้แบบนี้ ไม่ผิดแน่นอน พลันที่ละมือจากหลังพวงมาลัย เจ้าบีเอ็มดับเบิลยู 330e M-Sport คันนี้ รุ่นที่ประกอบจากแพลนระยองบ้านเรา บอกได้..สั้น ๆ ว่า มัน “ประทับใจ”

เก๋งเล็กที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า ประเภทปลั๊ก-อิน ไฮบริด จากตระกูลซีรีส์ 3 รถที่ได้การตอบรับและความนิยมมากที่สุดรุ่นหนึ่งในบ้านเรา

รูปร่างหน้าตาของ 330e M-Sport คันนี้ ไม่ได้แตกต่างจากซีรีส์ 3 ทั่วไป แค่เพิ่มชุดแต่ง ขับความเท่ แฝงความสมาร์ท ได้อย่างลงตัว

โดดเด่นด้วยชุดไฟหน้าและไฟท้ายแบบ LED มาพร้อมชุดแต่ง M-Sport รอบคัน ใส่ล้อ M ขนาด 18 นิ้ว ลาย doubel-spoke สี ferric grey

บีเอ็มฯยังใส่ออปชั่นเพิ่มเข้ามา เรียกว่าคุ้มค่า…เลยทีเดียว ทั้งหลังคาซันรูฟไฟฟ้า (electrical glass roof with wind deflector) เบาะนั่งมีให้เลือก 2 ออปชั่นกับเบาะนั่งหนังแท้ Dakota สีดำหรือสีแดง Coral Red โดยที่เบาะนั่งคู่หน้ามาพร้อมระบบดันหลัง (lumbar support), เบาะหลังปรับพับแบบ 40:20:40

และบีเอ็มฯยังได้นำกระจกหน้าที่ติดตั้งม่านกรองแสงสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง และม่านกระจกหลังแบบไฟฟ้ามาใส่ไว้ในรถคันนี้ด้วย ช่วงล่าง M-Sport ที่คอนโซลหน้าติดตั้งหน้าจอ iDrive ขนาด 8.8 นิ้ว พร้อมระบบแผนที่นำทาง professional แสดงภาพจากกล้องมองภาพด้านหลัง พร้อมด้วยเซ็นเซอร์กะระยะรอบคันได้

ส่วนชุดเครื่องเสียงและความบันเทิงนั้น มาพร้อมระบบเสียงแบบไฮไฟ รองรับการเชื่อมต่อกับบลูทูท และยูเอสบี

แผงหน้าปัด มาตรวัดความเร็ว เป็นแบบแอนะล็อก เน้นความเรียบง่าย แสดงผลได้ชัดเจน ทั้งข้อมูลการขับขี่ สถานะการทำงานของเครื่องยนต์ และระบบไฮบริด ซึ่งเข้าใจได้ง่าย

ระบบส่งกำลังเป็นเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ มีโหมดการขับเคลื่อนให้เลือก ตามลักษณะการใช้งาน ทั้งอีโค โปร และสปอร์ต รวมทั้งโหมดขับเคลื่อนแบบ “อีไดรฟ์” ที่คันเกียร์มีโหมดเกียร์บวก ลบ ให้สามารถโยกเล่นได้ นอกจากที่ก้านเปลี่ยนเกียร์หลังพวงมาลัย

รถคันนี้มาพร้อมกับเทคโนโลยีปลั๊ก-อิน ไฮบริด ที่ได้ทั้งประหยัด และสมรรถนะอันเหลือล้น ด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ทวิน พาวเวอร์ เทอร์โบ ให้กำลังสูงสุดได้ถึง 184 แรงม้า พร้อมแรงบิด 290 นิวตันเมตร

ขณะที่การทำงานของมอเตอร์ไฟฟ้านั้น ให้กำลัง 89 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร

บีเอ็มฯเคลมไว้ตามสเป็กว่า ความเร็วสูงสุดที่รถคันนี้ ทำได้ 225 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ส่วนอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงนั้น ใช้เวลาเพียง 6.1 วินาทีเท่านั้น

หลังจากรับรถทดสอบ ตัดสินใจวิ่งกันยาว ๆ รวมระยะทางเฉียด ๆ 500 กิโลเมตร ขับตรงจากกรุงเทพฯ สู่ถนนสายเอเชีย มุ่งหน้า จ.นครสวรรค์ ในช่วงสาย ๆ วันเสาร์ ที่สภาพการจราจรค่อนข้างหนาแน่นตั้งแต่ช่วงออกตัว โดยเฉพาะช่วงก่อนผ่านหน้าสนามบินดอนเมือง ที่จะต้องอาศัยจังหวะเพื่อนำรถให้หลุดออกจากสภาพการจราจรย่านนั้น ซึ่งความคล่องตัวของเจ้า 330e M-Sport คันนี้ทำได้ค่อนข้างดี

โดยเฉพาะความแม่นยำของพวงมาลัย ทัศนวิสัย ที่ให้มา และกำลังของอัตราเร่งและเครื่องยนต์ เพียงแค่โหมด อีโค โปร ก็ถือว่าเหลือล้น

หลุดออกจากช่วงดอนเมือง ยังมาเจอความคับคั่งเป็นระยะ จนแตะเข้าสายเอเชียจึงสามารถค่อย ๆ เติมความเร็วได้ในบางช่วง

เพราะตลอดเส้นทางมี “กล้องจับความเร็ว” ไม่ขาดสาย บางช่วงกำหนดให้ความเร็วแค่ 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเท่านั้น ทำให้ต้องเพิ่มความระมัดระวัง ขับไม่เกินกว่ากฎหมายกำหนด เพราะหลุดช่วงขึ้นป้ายกำหนดความเร็ว ผ่านไปไม่ถึง 10 เมตร มีกล้องติดหรา

ช่วงขากลับตัดสินใจวิ่งในถนนสายรอง วิ่งผ่านเข้า จ.ลพบุรี ตัดเข้า จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งพอให้มีจังหวะทำความเร็วได้

อย่างที่บอก การทดสอบครั้งนี้เลือกใช้โหมด อีโค โปร เป็นหลัก เพียงกดแป้นคันเร่งเบา ๆ เครื่องยนต์พร้อมตอบสนองและทะยานไปข้างหน้าแบบรวดเร็วทันใจ

ช่วงล่าง ไม่มีอาการย้วย ยวบยาบ บีเอ็มฯเซตมาได้ค่อนข้างดี ยิ่งช่วงที่เครื่องยนต์ทำงานประสานไปกับมอเตอร์ไฟฟ้า เผลอไปคิดว่า นี่มันน้อง ๆ M 3 ดี ๆ นี่เอง

ถึงตรงนี้ ยังยืนยันความประทับใจ ที่มีให้กับเจ้า 330e M-Sport คันนี้ ส่วนใครที่กังวลใจกับการชาร์จไฟ รถคันนี้สามารถชาร์จได้กับไฟบ้านทั่วไป และปัจจุบันยังมีจุดชาร์จไฟบริการให้กับผู้ใช้รถประเภทนี้กระจายทั่วพื้นที่ ห้างสรรพสินค้า โรงแรม คอมมิวนิตี้มอลล์ ของกรุงเทพฯ และยังเตรียมกระจายออกไปยังพื้นที่ต่าง ๆ เพิ่มมากขึ้น

ยิ่งด้วยราคาค่าตัวที่บีเอ็มฯตั้งมาที่ 2.759 ล้านบาท เมื่อเทียบกับฟีเจอร์ที่ได้เพิ่มมาแล้ว แถมยังได้ BSI Standard ให้บริการบำรุงรักษา 3 ปี/60,000 กม. และการรับประกัน 3 ปี ไม่จำกัดระยะทาง

ใครที่จด ๆ จ้อง ๆ อยู่ จะรอช้าอยู่ทำไม ??? รถคันนี้ มีครบ ขับสนุก…สุขกระเป๋า และเร้าใจ