
คอลัมน์ เทสต์ คาร์ โดย วุฒิณี ทับทอง
จัดทริปทดสอบจากเส้นทาง ไทย-เมียนมา สิ้นสุดลงไปแล้ว สำหรับค่ายนิสสัน มอเตอร์ ไทยแลนด์ กับกิจกรรม “NIDE Go Anywhere”หรือ “Nissan Intelligent Driving Experience Go Anywhere”
งานนี้ นิสสันทุ่มทุนสร้าง ขนเอา 3 ไฮไลต์ไป ขับจริง ใช้งานจริง กันกว่า 3,000 กิโลเมตร กับรถยนต์ 3 รุ่นหลักของคาราวานครั้งนี้ ได้แก่ รถเอสยูวี พร้อมลุย อย่างนิสสัน เอ็กซ์เทรล, รถพีพีวี อเนกประสงค์คันล่าสุด นิสสัน เทอร์ร่าและรถปิกอัพสุดฮอต อย่าง นิสสัน นาวารา แบล็ค เอดิชั่น ปี 2019 ใหม่ รวม 12 คัน รวมระยะเวลา 11 วัน 10 คืน
“ประชาชาติธุรกิจ” มีโอกาสได้ร่วมทริป เปิดประสบการณ์ความพิเศษครั้งนี้ด้วยการรับไม้ต่อจากเพื่อนสื่อมวลชนที่ร่วมทริปแรกที่ออกเดินทางจากกรุงเทพฯ เข้ากรุงย่างกุ้ง โดยเลือกออกจากบ้านเราทางฝั่ง จ.กาญจนบุรี รวมระยะทาง 1,029 กิโลเมตร
และเราสานต่อภารกิจในช่วงกลางของเส้นทาง คือจากเมืองหลวงเดิม กรุงย่างกุ้ง ไต่ระดับความสูง วิ่งเข้าไปสู่ตอนกลางของประเทศ ที่เมืองหลวงใหม่กรุงเนย์ปิดอว์ ด้วยระยะทางกว่า 370 กิโลเมตร
วันแรกของการเดินทาง ทันทีที่ทีมงานนัดแนะรูปแบบการขับขี่ และจัดสรรรถและคนกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ได้เวลาออกเดินทาง ในวันแรกของการเดินทาง “ประชาชาติธุรกิจ” มีโอกาสได้สัมผัสประสบการณ์ไปกับเจ้ารถเอสยูวี
อัจฉริยะที่นิสสันเค้าว่าไว้ ทำให้การเดินทางช่วงนี้ง่ายขึ้น เพราะเจ้านิสสัน เอ็กซ์เทรล คันนี้ ถือเป็นเอสยูวีที่นั่งสบาย ไปได้กับทุกเส้นทางทั้งการขับขี่ในเมืองหลวง อันแสนวุ่นวายไปด้วยรถรา ทั้งรถยนต์ จักรยานยนต์ รวมไปถึงจักรยาน ประสานกับวิถีชีวิตของผู้คนใน “ย่างกุ้ง” แม้จะเป็นช่วงเส้นทางที่เราขับจากในเมืองออกสู่นอกเมืองเป็นช่วงระยะเวลาไม่ยาวมากนัก แต่ทำให้ขบวนคาราวานของเราต้องใช้เวลากันพอสมควร กับความจอแจสองข้างทาง
แต่ด้วยความคล่องตัวของเจ้าเอ็กซ์เทรลคันนี้ พาเราผ่านสภาพดังกล่าวออกมาได้ไม่ยากนัก หันหัวรถมุ่งขึ้นทางเหนือโดยใช้เส้นทางด่วนหรือมอเตอร์เวย์ สายหลักเส้นเดียวของเมียนมา ในการมุ่งสู่เมืองหลวงใหม่ เมื่อจ่ายค่าผ่านทางก็วิ่งกันไปทางตรง ๆ ยาว ๆ
ท่ามกลางอุณหภูมิภายนอกที่ระอุกว่า 40 องศา แต่ด้วยความชุ่มฉ่ำของไอเย็นระบบปรับอากาศในรถคันนี้ ทำให้การเดินทางวันนี้เป็นเรื่องที่แสนสบายไป เมื่อเจอทางตรง ๆ ยาว ๆ เลย ทดลองใช้ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (intelligent cruise control) เพียงแค่เซต ตั้งระยะห่างที่ตั้งไว้กับรถคันหน้า
รถจะเร่งหรือลดความเร็วตามขบวนตามสถานการณ์ เพราะการขับขี่ตลอดเส้นทางของเราต้องวิ่งตามกฎหมายกำหนด คือ ในเมืองไม่เกิน 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง บนทางไฮเวย์ให้ไม่เกิน 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
เพื่อให้ทันแสงสุดท้ายของวัน…อดตื่นตากับเมืองหลวงใหม่ กรุงเนย์ปิดอว์ไม่ได้ การจัดวางผังเมือง และความเป็นระบบระเบียบแล้ว อีกหนึ่งไฮไลต์คือทางหลวงมีขนาด 10 เลน วิ่งสวนไปจนถึง 20 เลน ไม่มีเกาะกลางถนน
ก่อนที่เราจะแวะไปสักการะ ยังเจดีย์อุปปาตสันติ หรือเจดีย์ชะเวดากองจำลองซึ่งมีความสูงประมาณ 99 เมตร (325 ฟุต) ทางรัฐบาลเมียนมาตั้งใจให้เจดีย์แห่งนี้เปรียบเสมือนศูนย์กลางของเนย์ปิดอว์
รุ่งขึ้น เราเปลี่ยนพาหนะการเดินทางมาเป็นเจ้าพีพีวี นิสสัน เทอร์ร่า เพื่อสัมผัสกับความอเนกประสงค์ของรถคันนี้ ด้วยความนุ่มนวลของช่วงล่าง ถูกลดทอนลงไปตามสภาพของยานยนต์พาหนะ แต่ความเย็นฉ่ำชุ่มใจในเทอร์ร่าคันนี้ บอกเลยว่าหนำใจจนหนาว
จุดหมายที่ปลายทางวันนี้ อยู่ที่ทะเลเจดีย์ เมืองเก่าพุกาม ที่ขบวนคาราวานนิสสันจะไปเยือน นอกจากวิ่งบนทางไฮเวย์แล้ว ยังต้องตัดผ่านเส้นทางในหมู่บ้าน ซึ่งระบบกล้องอัจฉริยะมองรอบทิศทาง และการเตือนรอบคัน ช่วยเราได้เยอะ ยิ่งช่วงวิ่งทางแคบในหมู่บ้าน แม้เทอร์ร่าจะมีขนาดตัวค่อนข้างใหญ่ ทำให้ช่วยผ่านเส้นทางดังกล่าวมาได้อย่างแบบสบาย ๆ
ระหว่างทางผ่าน เราแวะพักรถพักคนยังจุดพักรถ ที่มีการนำผลิตภัณฑ์ชุมชนอย่างตาลมาแปรรูปเป็นสินค้าที่หลากหลาย ก่อนเดินทางต่อไปยังสถานีรถไฟพุกาม สถานีรถไฟที่มีความเก่าแก่ ที่มีความสำคัญ และมีความสวยงามของสถาปัตยกรรม
ก่อนไปสัมผัสกับทะเลเจดีย์ ไฮไลต์ของทริปนี้ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ที่พุทธศาสนิกชนได้สร้างขึ้นมาเพื่อเป็นพุทธบูชา มีมากกว่า 4,000 องค์ บางองค์ก็ยังสร้างไม่แล้วเสร็จ หรือเสื่อมโทรมไปตามสภาพของกาลเวลา
ก่อนที่การเดินทางในวันสุดท้าย เรายังคงใช้เทอร์ร่าเป็นพาหนะในการเยี่ยมชมเมือง เมืองสะกาย และมิงกุน วิ่งเลียบแม่น้ำอิระวดี เข้าไปชมเมืองโบราณ เจดีย์ที่สร้างขึ้นแต่ยังไม่แล้วเสร็จ ซึ่งคาดว่าหากก่อสร้างเสร็จ ที่นี่จะเป็นเจดีย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีชื่อว่าเมียะเต็งดานเจดีย์ องค์เจดีย์สีขาว ตัวแทนแห่งความรัก
ถึงตรงนี้ต้องบอกว่า ตลอดระยะเวลา 3 วัน 2 คืน กับเส้นทางรวม ๆ 800 กิโลเมตร กับการเดินทางผ่านสภาพภูมิประเทศ อันหลากหลายและภูมิอากาศอันระอุ ขบวนคาราวานของรถยนต์ “นิสสัน” พาเรามาถึงจุดหมายได้อย่างปลอดภัย และตลอดระยะทาง 3 พันกิโลเมตร ตลอดทริป
นั้น รถนิสสันสามารถ “ลุยได้ทุกที่” ส่วนครั้งต่อไป นิสสันจะสร้างสีสันและความประทับใจในเส้นทางใด โปรดอดใจรอติดตาม