ออลนิว มาสด้า3 ขับสนุก แต่ยังไม่ถึงกับสุด…

คอลัมน์ เทสต์ คาร์ โดย วุฒิณี ทับทอง

ถือเป็นรถยนต์ที่ใครหลายคนต่างเฝ้ารอ… สำหรับการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของ “มาสด้า3” ใหม่ ที่ไม่เฉพาะเเต่แฟน ๆ รถรุ่นนี้เท่านั้น เเต่เชื่อว่า ผู้ที่ชื่นชอบรถยนต์ในกลุ่มนี้ต่างจับจ้องไม่แพ้กัน

ที่สำคัญ การเเข่งขันของรถในกลุ่มซีเซ็กเมนต์ ที่มีความต้องการอยู่ราวปีละ 8,000 คัน ถือว่าเเข่งขันสนุกมากขึ้นเพราะนอกจากมาสด้า3 ใหม่เเล้ว ฝั่งคู่เเข่งก็ยังมีรุ่นใหม่มาให้ลูกค้าได้เลือกช็อปเช่นเดียวกัน จะสนุกหรือไม่สนุกดูเอาล่ะกัน มาสด้า3 เปิดตัวได้เพียง 4 วัน ยอดจองทะลุกว่า 1,000 คันไปแล้ว

เท่านั้นยังไม่พอ ผู้บริหารหนุ่ม ธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ รองประธานฯ เล่าว่า มาสด้าได้เปิดให้ลูกค้าผู้สนใจ ร่วมลงทะเบียนออนไลน์เพื่อรับข้อมูลข่าวสารของมาสด้าใหม่ มีผู้สนใจร่วมลงทะเบียนแล้วกว่าหมื่นคน ในจำนวนนี้มีผู้สนใจตอบรับเข้าร่วมงานเปิดตัวรถมาสด้า3 ใหม่ มากกว่า 4,000 คน เรียกว่าลูกค้ามีความยินดีและสนใจที่จะเดินทางมาร่วมชมและสัมผัสรถคันนี้กันในงาน

นับจากมาสด้าตัดสินใจเปิดตัวมาสด้า3 ออกสู่ตลาดโลก รวมทั้งประเทศไทย รถทั้ง 3 เจเนอเรชั่นก่อนหน้านี้ กวาดยอดขายทะลุ 2 ล้านคันทั่วโลก โดยในจำนวนนี้เป็นลูกค้าบ้านเราถึง “แสน” คัน เรียกว่ารถคันนี้ ปลุกแบรนด์มาสด้าให้กลับมาโลดเเล่นอย่างท้าทายได้ไม่ธรรมดาจริง ๆ

ไม่รอช้า หลังจากเปิดตัวไปไม่ทันไร ทีมงานมาสด้าจัดทริปทดสอบรถรุ่นนี้ขึ้น เพื่อให้สื่อมวลชน รวมทั้ง “ประชาชาติธุรกิจ” ได้ทดสอบสัมผัสกันที่ จ.ภูเก็ต

ผู้จัดการโครงการพัฒนารถยนต์มาสด้า3 โคอิชิโร ยามากุชิ ฉายภาพถึงความตั้งใจในการรังสรรค์พัฒนา รถมาสด้า
เจเนอเรชั่น 4 ของบ้านเราคันนี้ว่า มาสด้าอยากเป็นส่วนหนึ่งของคนใช้รถในการขับเคลื่อนชีวิต ด้วยการต่อยอดการพัฒนาการออกแบบภายใต้ปรัชญา โคโดะดีไซน์ รูปแบบใหม่

ซึ่งผสานการเคลื่อนไหวที่เป็นหนึ่งเดียว หรือ one motion โดยการรวมทิศทางของเเสงและเงาสะท้อนเคลื่อนที่ และสะท้อนไปมาบนตัวรถ ซึ่งลดเหลี่ยมคมของเส้นสายออกไป ซึ่งโดยส่วนตัวแล้วบางมุม บางจังหวะของการมองรถคันนี้รู้สึกขัดใจไปบ้างกับคมเส้นสายที่หายไป แต่มองโดยรวม ๆ แล้ว มาสด้า3 เวอร์ชั่นนี้ยังถือว่า สวยสะดุดและสะกดตา

โดยเฉพาะความตั้งใจอัพเกรด แยกความเเตกต่างระหว่างรถทั้ง 2 รุ่น ผ่านการสะท้อนบุคลิกที่แตกต่าง คือ รุ่นซีดาน 4 ประตู ที่เน้นไปที่ความเรียบหรู เหนือระดับ กับความพรีเมี่ยม

ขณะที่รุ่น 5 ประตู หรือที่เรา ๆ เรียกติดปากว่า “แฮตช์แบ็ก” ทางมาสด้านิยมให้เรียกชื่อ “ฟาสต์เเบ็ก” ตามเเบบฝั่งยุโรป โดยมาสด้า3 ฟาสต์แบ็ก เน้นสะท้อนความดุดัน ทรงพลัง และเสน่ห์ที่น่าดึงดูด

ด้วยความพิถีพิถันของการออกแบบภายใต้หลัก “เรียบง่ายแต่งดงาม” ด้วยการเพิ่มการเชื่อมต่อระหว่างคนกับรถด้วยหลักการออกแบบพื้นที่คนขับด้วยการจัดวางแบบสมมาตร และการวางในเเนวนอนเพื่อตัดองค์ประกอบที่ไม่จำเป็นออกไป แถมมาสด้ายังอัดแน่นเทคโนโลยี เข้ามาเต็มคัน

รถรุ่นที่เราได้ทดสอบครั้งนี้ คือ ซีดาน เราจะไปสัมผัสกันในเส้นทางภูเก็ต-พังงา-ภูเก็ต รวมระยะทางกว่า 240 กิโลเมตร งานนี้ทีมงานจัดให้นั่งคันละ 3 คน เพื่อสลับกันขับในเเต่ละช่วงของเส้นทาง

ช่วงเริ่มต้นของการทดสอบ “ประชาชาติธุรกิจ” กระโดดไปนั่งที่เบาะโดยสารด้านหลัง เพื่อสำรวจความสะดวกสบายระดับพรีเมี่ยม ของรถคันนี้กันก่อน

ในส่วนของห้องโดยสารด้านหลังนั้น ถือว่ามีพื้นที่ เลกรูม เฮดรูม ได้พอสมควร สามารถเหยียดแข้งเหยียดขาได้ไม่อึดอัด

ด้วยการให้โทนสีภายในเป็นโทนสีดำ ช่วยเพิ่มความสุขุม ชวนค้นหา เสียดายขาดช่องเสียบชาร์จไฟแบบยูเอสบีสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง ซึ่งหากมีการเพิ่มอุปกรณ์อำนวยความสะดวกนี้มา น่าจะช่วยให้รถคันนี้ตอบโจทย์ผู้ใช้งานได้พอสมควร

แต่ใส่มาให้เฉพาะใต้คอนโซลด้านหน้า บริเวณที่จุดบุหรี่ และอีกจุดบริเวณคอนโซลกลางที่พักเเขนของผู้โดยสารตอนหน้า

มาดูกันที่ความกว้างขวางของห้องโดยสาร เบาะที่นั่งฝั่งคนขับสามารถปรับได้ถึง 10 ระดับ สามารถบันทึกข้อมูลได้ 2 ตำแหน่ง

แผงหน้าปัด มาพร้อมความหรูหรา แฝงไว้กับความเรียบง่าย เป็นมาตรวัดดิจิทัล สามารถเลือกปรับเปลี่ยนรูปแบบแสดงผลได้หลากหลาย ยังมีหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ที่กระจกหน้าฝั่งคนขับ ช่วยให้ไม่ต้องละสายตาจากถนน

สำหรับมาสด้า3 เวอร์ชั่นนี้ โดยส่วนตัวรู้สึกว่าการแสดงข้อมูลตัวเลขมีความชัดเจน แจ่มแจ๋ว กว่าเวอร์ชั่นก่อน ๆ
ส่วนอุปกรณ์อำนวยความสะดวกอื่น ๆ มีมาให้ครบครัน ภายใต้การออกแบบที่ยึดผู้ขับเป็นศูนย์กลางให้สามารถทำงานได้สอดคล้องกับการเคลื่อนไหวของร่างกาย และประสาทสัมผัสทั้ง 5 เรียกว่าสะดวกสบายในทุกการเดินทาง โดยยังมีความสนุกในการขับขี่ และมีความเป็นธรรมชาติให้มากที่สุด

หน้าจอสี center display แบบ widescreen ขนาด 8.8 นิ้ว ควบคุมด้วยปุ่ม center commander มาสด้ายังเอาใจคนมีสุนทรีย์ในเสียงเพลง ด้วยชุดลำโพงจาก Bose มาถึง12 ตำแหน่ง

ความสะดวกสบาย อีกสิ่งที่ตอกย้ำว่าให้คนขับ คือ ศูนย์กลาง ด้วยการออกแบบช่องเเอร์ฝั่งคนขับ ให้ช่องแอร์ด้านซ้าย ขวา หันเข้าหาคนขับโดยตรง

ออกเดินทาง ไปกับรุ่น 4 ประตู ตัวท็อป 2.0 ลิตร SP เพื่อสัมผัสความรู้สึกเบาะหลัง ช่วงแรกของการเดินทางวิ่งบนทางหลวง บางจังหวะที่ต้องเร่งความเร็วขึ้นเพื่อแซงนั้น แรงเหวี่ยงที่หลังเบาะนั่งด้านหลังยังมีอยู่พอสมควร ไม่ถึงกับกระด้าง แต่ก็ไม่นุ่มนวลเท่าที่ควร ส่วนเรื่องการนั่งสบายของเบาะนั่ง มาสด้าเลือกใช้วัสดุค่อนข้างดี

ลืมบอกไปอีกนิด เมื่อมีผู้โดยสารนั่งที่เบาะนั่งด้านหลัง เเล้วไม่คาดเข็มขัดนิรภัย ระบบการทำงานของตัวรถจะส่งสัญญานเตือนจนกว่าผู้โดยสารจะคาดเข็มขัดนิรภัย ตรงนี้ถือเป็นข้อดี เพราะเป็นการช่วยย้ำเตือนเรื่องความปลอดภัยได้อีกระดับ

เมื่อถึงเวลามานั่งในตำแหน่งด้านหลังพวงมาลัย เอื้อมมือกดปุ่มสตาร์ตเครื่องยนต์ ปรับอุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่าง ๆ ให้เหมาะสม ใช้เวลาพอสมควรกับการทำความคุ้นชินกับกระจกมองข้าง (หูช้าง ซ้าย ขวา) เนื่องจากทีมวิศวกรออกแบบมาให้อยู่ในตำแหน่งที่ค่อนข้างใกล้กับกระจกด้านข้าง ต้องปรับมุม ปรับองศา เพื่อให้สบายตาที่สุด

ได้เวลาที่เครื่องยนต์ สกายเเอคทีฟ-จี 2.0 ลิตร โชว์ประสิทธิภาพการทำงาน กับ 165 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิด 213 นิวตัน-เมตรทำงานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด

ช่วงจังหวะออกตัวนั้น เครื่องยนต์ตอบสนองค่อนข้างดี ทำให้รู้สึกอยากจะพารถคันนี้ออกไปโลดแล่น ทะยานไปตลอดเส้นทาง จากจุดพักรถแรก ย่านเมืองพังงา มุ่งหน้าผ่าน อ.กะปง ที่เส้นทางค่อนข้างจะคดโค้ง วิ่งขึ้นเขา-ลงเขา ขับกับแบบฟรีรัน บางช่วงที่มีจังหวะ กระชากความเร็วเพื่อเร่งเเซง จากการขับในโหมดนอร์มอล แล้วใช้วิธีการเชนจ์เกียร์ช่วย ดูจะเป็นอะไรที่ไม่ค่อยทันอกทันใจเท่าที่ควร แถมบางช่วงของเส้นทางที่คดโค้ง ยังไม่มั่นใจเท่าที่ควร แต่เชื่อว่ารถเอาอยู่

ตัดสินใจเปลี่ยนโหมดขยับไปที่ “สปอร์ต” สามารถมีความกระฉับกระเฉงขึ้น ทำให้ช่วยเพิ่มความสนุกในการขับขี่
โดยเฉพาะจังหวะเร่งแซงและการทำงานของเกียร์มีความกระชับ และช่วงล่างดูแน่นขึ้น เรียกความมั่นใจมาอีกกระบุงใหญ่

บางจังหวะที่ต้องเข้าโค้งแรง ๆ รถมีอาการท้ายบานเล็ก ๆ พอให้แก้อาการจากพวงมาลัย บางจังหวะที่ต้องการเรียกความเร็วเร่งแซง

อาจจะต้องใช้เวลาในการรอรอบของการเปลี่ยนเกียร์ และการทำงานของเครื่องยนต์เล็กน้อย เครื่องจึงตอบสนอง ส่วนการทำงานของระบบเบรก ยอมรับว่าต้องใช้เวลาเรียนรู้ลักษณะการทำงานกันเล็กน้อย กว่าจะคุ้นชิน

โดยรวมถามว่า มาสด้า3 เวอร์ชั่นนี้ เทียบกับเวอร์ชั่นก่อน ส่วนตัวชื่นชอบการเซตเครื่องยนต์ และช่วงล่างของเวอร์ชั่นก่อนมากกว่า

แต่ถ้าถามถึงเรื่องความสวยงาม การดีไซน์ ความตัวลงของภายในห้องโดยสาร ความสะดวกสบายที่เหนือระดับ ต้องยกให้มาสด้า3 เวอร์ชั่นนี้

แต่อย่าเพิ่งเชื่อทั้งหมด เพราะช่วงการขับขี่ที่ได้ทดสอบ เป็นเพียงช่วงเส้นทางระยะสั้น ๆ ประมาณ 80-90 กิโลเมตรเท่านั้น ไว้มีโอกาสหน้า “ประชาชาติธุรกิจ” จะหาเวลานำรถคันนี้มาทดสอบ กันแบบยาว ๆ

หรือใครที่กำลังมองหารถคันใหม่ไว้ใช้งาน จะลองเข้าไปสัมผัสกับ มาสด้า3ใหม่ ทั้งรุ่นซีดาน และฟาสต์แบ็กได้ที่โชว์รูมทั่วประเทศ ส่วนราคาทั้ง 2 รุ่น มาสด้าเซตราคาไว้ 1.198 ล้านบาท สำหรับตัวท็อป