ซูซูกิ เออร์ติก้า ครบเครื่อง…ลงตัวทุกการใช้งาน

คอลัมน์ เทสต์ คาร์ โดย วุฒิณี ทับทอง

เซ็กเมนต์เอ็มพีวี ถือเป็นตลาดที่มีการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญเนื่องจากกลุ่มลูกค้าหลัก คือ กลุ่มครอบครัว ซึ่งตามสถิติกลุ่มนี้เติบโตขึ้นมาก เดิมใช้อีโคคาร์พอแต่งงานมีครอบครัวก็ต้องการหารถที่ใหญ่ขึ้น เน้นความอเนกประสงค์รองรับและเติมเต็มความสมบูรณ์แบบในการเดินทาง

ดังนั้น เราจึงเห็นค่ายรถยนต์ส่งรุ่นใหม่ ๆ โดยแต่ละแบรนด์จะมีนิยามของตัวเองเพื่อจับกลุ่มลูกค้าให้ชัดเจน เช่น บี-เอสยูวี, ครอสโอเวอร์ ฯลฯ แล้วแต่กลยุทธ์การวางเซ็กเมนต์ทางการตลาดของแต่ละคนค่ายซูซูกิไม่รอช้า จับ “เออร์ติก้า” มาเติมความสดใหม่ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการได้ตรงใจลูกค้ามากที่สุด

เออร์ติก้าคันนี้มาพร้อมกับสีใหม่ Burgundy Red สะดุดตาด้วยโทนสีแดงเลือดหมู เพิ่มความเท่ด้วยล้อขนาด 15 นิ้ว ดีไซน์ใหม่แบบ 2 tone

หลังจากรับรถทดสอบจากสำนักงานใหญ่ของซูซูกิ มอเตอร์กดปุ่มสตาร์ตเครื่องยนต์ แอบตกใจเล็กน้อย เพราะซูซูกิตัดสินใจนำมาพร้อมด้วยจอระบบสัมผัสแบบใหม่ ซึ่งมีขนาดใหญ่ แสดงข้อมูลที่ชัดเจน ขนาด 10 นิ้ว เข้ามาแทนรุ่นเดิมที่สะดวกในการใช้งานและง่ายต่อการควบคุมมากขึ้น แถมยังลบข้อด้อยจากรุ่นก่อนที่รองรับแค่การใช้งานเอ็มพี 3 และวิทยุเท่านั้น

สำหรับหน้าจอเวอร์ชั่นนี้ซูซูกิจัดเต็มด้วยระบบเชื่อมต่อบลูทูธ สมาร์ทโฟน พร้อมระบบสั่งงานด้วยเสียงจาก Siri หรือ Google Assistant แถมยังรองรับการดึงภาพจากโทรศัพท์มือถือขึ้นจอภาพผ่านช่องเชื่อมต่อ HDMI ส่วนกล้องมองขณะถอยหลังชัดเจนมาก กลบข้อด้อยที่มีในรุ่นก่อนเสียหมดจด

เส้นทางทดสอบครั้งนี้ “ประชาชาติธุรกิจ” เลือกมุ่งหน้าไปยังพิพิธภัณฑ์จันเสน เมืองโบราณ ที่ อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์ ตลอดเส้นทางเกือบ 200 กิโลเมตร ได้สัมผัสกับความสบายของรถคันนี้

จังหวะออกตัวของซูซูกิ เออร์ติก้า ไม่ถึงกับปรู๊ดปร๊าด… เครื่องยนต์เบนซิน ขนาด 1.5 ลิตร ให้กำลังสูงสุดถึง 105 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที ทำงานผสานกับเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด ทำให้การตอบสนองของเครื่องยนต์ค่อย ๆ เรียกกำลังตามแรงกดคันเร่ง

ถ้าเทียบคู่แข่งส่วนใหญ่ที่เกียร์กระโดดไปเป็น 5 และ 7 สปีด เออร์ติก้าคันนี้ดูจะต้วมเตี้ยมไปนิด แต่ไม่ถึงกลับเกินงาม เมื่อวิ่งทางนอกเมืองที่ความเร็วติดลมบนไปแล้ว วิ่งเกิน 80-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จังหวะการทำงานและการตอบสนองของเครื่องยนต์ดี และตัวรถมีความคล่องตัว ขับสนุกจังหวะเร่งแซงทำได้โดยไม่ต้องเค้นเรียกกำลังเครื่องยนต์แต่อย่างใด

ส่วนช่วงล่างความหนึบแน่นของเออร์ติก้าทำได้ดี เป็นผลมาจากการพัฒนาแพลตฟอร์ม HEARTECT เทคโนโลยีเฉพาะของซูซูกิที่ช่วยเพิ่มทั้งสมรรถนะและความปลอดภัย

ช่วงล่างทำจากเหล็ก high tensile เชื่อมเป็นหนึ่งเดียวกัน เพื่อความแข็งแกร่งและปลอดภัยอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ทนทานด้วยโครงสร้างตัวถัง TECT ออกแบบจากเหล็กกล้าทำให้ทนทานต่อการสึกหรอ

ส่วนการซับเสียงภายในห้องโดยสารดีขึ้น จากที่ซูซูกินำระบบ NVH มาใช้ให้การขับขี่นุ่มนวล ดูดซับแรงสั่นสะเทือน พร้อมลดเสียงรบกวนทั้งเสียงลมและเครื่องยนต์ลงไปได้มากโข

ส่วนความเย็นสบายในห้องโดยสาร ชื่อชั้นของรถยนต์ซูซูกิไม่เป็นรองใคร แอร์เย็นฉ่ำทุกที่นั่งด้วยระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ มีทั้งในส่วนของห้องโดยสารตอนหน้าและแถวสอง มีปุ่มหมุนเพิ่มระดับความแรงของพัดลม และยังเอาใจผู้โดยสารแถวที่สองด้วยช่องเสียบยูเอสบี

อีกสิ่งที่ประทับใจ คือ เรื่องของความอเนกประสงค์ของซูซูกิ เออร์ติก้าคันนี้ เพราะเบาะที่นั่งแถวสามสามารถปรับ พับในรูปแบบต่าง ๆ เพื่อเพิ่มพื้นที่บรรทุกสัมภาระได้

ถึงตรงนี้…บอกเลยว่า ไม่แปลกใจที่ซูซูกิ เออร์ติก้าจะสามารถเข้าไปยึดพื้นที่ในใจของหลาย ๆ ครอบครัวไว้อย่าเหนียวแน่น

เพราะความเป็นรถอเนกประสงค์ ลงตัวทุกการใช้งาน เป็นรถที่เน้นขับสบายชิลได้ทั้งในเมืองและนอกเมือง

ถึงตรงนี้ใครมองหารถประเภทนี้ไว้ใช้งาน ลองเข้าไปสัมผัสที่โชว์รูมซูซูกิทุกสาขาในประเทศได้แล้ว คุณจะพบความคุ้มค่าในราคาที่น่าสนใจ


ซูซูกิ เออร์ติก้ามีให้เลือก 2 รุ่นคือ GL (AT) ราคา 659,000 บาท และ GX (AT) ราคา 725,000 บาท