โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ เลเจนเดอร์ “โหด” แค่ไหนก็ไปแบบ “เหนือระดับ”

รีวิว โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ 2020
เทสต์ คาร์ โดย วุฒิณี ทับทอง

หลังจากเปิดตัวไม่นาน ปรากฏว่าโตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ กวาดยอดจองไปแล้วเกือบๆ 7 พันคัน นี่คือคำบอกเล่าของ “สุรศักดิ์ สุทองวัน” รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ที่มาฉายภาพความสำเร็จช่วงเช้าก่อนที่เราไปทดสอบรถโตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์กัน

แรกเริ่มเดิมที คะเน…เอาว่า เส้นทางทดสอบครั้งนี้น่าจะสบายมือ วิ่งกันในเส้นทางชีวิตประจำวันกรุงเทพฯ-ไปพัทยาปรากฏว่า ผิดคาด… การทดสอบครั้งนี้ทีมงานโตโยต้าตั้งใจเลือกเส้นทางให้เราสัมผัสกับประสบการณ์รูปแบบการขับขี่ทั้งออนโรดและออฟโรด ออกสตาร์ตกับ TDEX (Toyota Driving Experience Park) ที่บางนา กม.3 “ประชาชาติธุรกิจ” รับหน้าที่พลขับก่อน

รีวิว โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์

สำหรับโตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ เลเจนเดอร์ ถือเป็นรุ่นท็อปที่มาพร้อมกับความพิเศษ เพื่อสะท้อนความสง่างามแห่งผู้นำ ตั้งแต่ความเปลี่ยนแปลงของกระจังหน้า สีดำ ช่วยขับความดุดันและหรูหรา กันชนหน้า-หลังใหม่ ไฟเลี้ยวแบบ sequential ซึ่งเป็นชุดไฟวิ่ง

เพิ่มความเท่ด้วยล้ออัลลอย ขนาด 20 นิ้ว ดีไซน์ใหม่ ไฟหน้าแบบ full LED แบบ dual projector พร้อม daytime
running lights ส่องสว่างในเวลากลางวัน

ภายในห้องคนขับ

ส่วนภายในห้องโดยสารอัดแน่นมาด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครัน ชัดเจนด้วยหน้าจอสัมผัส ขนาด 9 นิ้ว รองรับระบบเชื่อมต่อ และช่วยทัศนวิสัยจากกล้องมองรอบคันของรถคันนี้ชัดเจนสะใจ

อีกจุดที่เข้ามาช่วยอำนวยความสะดวก คือ ชาร์จมือถือแบบไร้สาย ช่วยให้ชาร์จไฟเป็นเรื่องง่ายและไม่ต้องเชื่อมต่อสายให้ระโยงระยางอีกต่อไป ขุมกำลังของเจ้าฟอร์จูนเนอร์ เลเจนเดอร์

คันนี้มาพร้อมกับเครื่องยนต์ ขนาด 2.8 ลิตร ที่ให้พละกำลังมหาศาลด้วยกำลังสูงสุด 204 แรงม้า ที่ 3,400 รอบ
ต่อนาที แรงบิดสูงสุด 500 นิวตัน-เมตรที่ 1,600 รอบต่อนาที เรียกว่าพละกำลังเหลือเฟือ ระบบขับเคลื่อนยังคงเป็นเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด

ชุดเกียร์ ฟอจูนเนอร์

จากจุดสตาร์ตมุ่งหน้าออกถนนบางนา-ตราด ซึ่งถือเป็นเส้นทางปราบเซียนเพราะพื้นผิวการจราจรนั้นเรียกว่าเป็น “ลอน” ทำให้เราได้ทดสอบการเซตอัพช่วงล่างของรถคันนี้ แม้ว่า จะวิ่งด้วยความเร็วพอประมาณ มีจังหวะ หมุนซ้าย ขึ้นขวา ผ่านสภาพถนนลอนแล้วลอนเล่า ถือว่าช่วงล่างของรถคันนี้เซตอัพมาค่อนข้างดี ไม่โดด ไม่เด้ง แต่กลับมีความยืดหยุ่น นุ่มนวล ไม่ต้องนั่งกันหัวสั่นหัวคลอน

ติดนิดเดียว คือ จังหวะกดคันเร่งเครื่องยนต์ตอบสนองมาทันใจ แต่จังหวะของการเปลี่ยนรอบของระบบส่งกำลังมีการลากรอบยาวไปนิด หากเซตให้มีความกระชับ หรือเพิ่มขึ้นมา 7-8 สปีด น่าจะทำให้ฟอร์จูนเนอร์ เลเจนเดอร์เป็นรถที่ขับสนุกยิ่งขึ้น

รวมทั้ง “น้ำหนักของพวงมาลัย” ที่โดยส่วนตัวแล้วรู้สึกว่าโตโยต้าเซตมาค่อนข้างหนักไป ทำให้ต้องออกแรงพอสมควรในการใช้งาน และไม่น่าจะถูกใจคุณสาว ๆ ที่ต้องขึ้นนั่งประจำการที่หลังพวงมาลัยเป็นแน่

พวงมาลัยรถ

เช่นเดียวกับระบบการรักษารถให้อยู่ในเลน ซึ่งหากจังหวะที่เราต้องการเปลี่ยนเลนโดยไม่ได้เปิดไฟเลี้ยว ระบบจะส่งเสียงเตือนพร้อมดึงรถให้กลับเข้ามาวิ่งอยู่ในเลนของตัวเอง

ตรงนี้อาการดึงรั้งของระบบนั้นออกจะ “แรง” ไปนิดหนึ่ง คนไม่คุ้นอาจจะตกใจ หรือกลายเป็น (อาจจะ)อันตรายได้
เพราะเราที่ว่าพอจะคุ้นพวงมาลัย รู้สึกว่าหนักไปนิดหนึ่ง ทำให้ต้องออกแรง

ระบบการรักษารถอยู่ในเลนนั้น ระบบดึงรถให้กลับเข้าเลนค่อนข้างแรงไปนิดหนึ่ง หากขับเพลิน ๆ หรือคนที่ไม่คุ้นกับระบบดังกล่าว อาจจะตกใจหรือก่อให้เกิดอันตรายได้

ลำพังเราที่พอจะคุ้นเคยยังรู้สึกตกใจเมื่อระบบทำงาน ตรงนี้ทีมงานโตโยต้าแจ้งว่า สามารถสั่งปิดระบบการดึงกลับ
เข้าเลนได้ แต่จะยังมีเสียงเตือนหรือเลือกระดับความแรงของการดึงกลับได้

รีวิว โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ ใหม่ สีขาว

ฟอร์จูนเนอร์ เลเจนเดอร์ เวอร์ชั่นนี้นำ “เพลาปรับสมดุล” มาใช้ช่วยลดแรงสั่นสะเทือนและเสียงเครื่องยนต์เข้าสู่ห้องโดยสาร วิ่งหนัก ๆ บนบูรพาวิถีที่มีทั้งความเร็วและแรงปะทะของลม รถคันนี้เก็บเสียงได้ดีขึ้นโดยเฉพาะเสียงล้อบดกับถนนแทบไม่ได้ระคายหู อันนี้ต้องชม ส่วนเสียงลมยังพอมีเล็ดลอดให้พอรำคาญเมื่อวิ่งในย่านความเร็ว

มาถึงเซอร์ไพรส์ที่เป็นไฮไลต์ของการทดสอบ ทริปนี้ในเส้นทางออฟโรด จากใจคิดไว้ว่าคงเป็นการขับออฟโรดกันในสนามเช่นเคย ปรากฏว่าผิดคาด…ครั้งนี้ทีมงานเซอร์ไพรส์เล็ก ๆ ด้วยการพาเรามุ่งหน้าขึ้นไปยังลานร่มบิน เขาระเบิด อ.หนองใหญ่ จ.ชลบุรี เส้นทางธรรมชาติจริง เส้นทางใช้งานจริง พิสูจน์กันให้เห็นว่า ปรับโหมด เลือกโหมดขับ 4H

รีวิว Toyota Fortuner Legender

เพื่อผ่านเส้นทางที่ 2 ข้างทางเป็นสิ่งกีดขวางทั้งต้นไม้ ทางขรุขระ ลูกรัง หินลอยตัว เราต้องค่อย ๆ ขับลัดเลาะไต่ไหล่เขาตามความสูง หากจะบอกว่าอาการของช่วงล่างในเส้นทางดังกล่าวต้องใช้ว่า เนียนกริบ ราวกับนั่งอยู่บนรถเอสยูวีหรู

ก่อนถึงช่วงทางที่เราต้องขับลงเนินที่มีความลึก 30-40 เมตร ในสภาพเป็นโคลนดินลูกรังแดง เพิ่มความมั่นใจด้วยการหยุดรถเข้าเกียร์ P

สมรรถนะ ฟอร์จูนเนอร์

ปิดปุ่มเปลี่ยนระบบขับเคลื่อนเป็น 4L จากนั้นค่อย ๆ ใช้ “วอล์กกิ้งสปีด” ด้วยพละกำลัง อัตราเร่ง และแรงบิด เราทำหน้าที่เพียงบังคับพวงมาลัยที่สะบัดไปสะบัดมาตามเส้นทางกันแบบจ้าละหวั่น กดคันเร่งเพิ่มแรงส่งเพื่อพา “โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ เลเจนเดอร์” คันนี้ตะลุยผ่านบ่อโคลน ไต่ระดับความสูงราว 45-50 เมตร เรียกว่าหฤโหด…ผ่านมาได้แบบสบายมือ ก่อนจะวิ่งผ่านขึ้นไปยังจุดชมวิว ลานร่มบิน เขาระเบิดแห่งนี้ที่ต้องบอกว่า ใครที่ไม่ได้มาต้องเสียดาย

ถึงตอนนี้ต้องบอกว่า ผู้ที่กำลังมองหารถออฟโรดสายโหด…ที่ขับออกไปโลดโผนตามไลฟ์สไตล์ จะสายลุยสายเนี้ยบ สายเท่ ครบเครื่องในคันเดียว โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ เลเจนเดอร์ ตัวท็อปคันนี้ น่าสนใจไม่น้อย ด้วยราคาค่าตัว 1.839 ล้านบาท