เทสต์คาร์ วุฒิณี ทับทอง
แรกเริ่มเดิมที ทีมงานมาสด้าตั้งใจจะจัดทริปทดสอบปิกอัพบีที-50 ใหม่ ในเส้นทางที่วิ่งกันยาว ๆ แต่เนื่องจากข้อจำกัด หลังเจอโควิดระลอกสอง
ก็เลยต้องเปลี่ยนมาจัดทริปทดสอบแบบวันเดย์ทริป ในเส้นทางกรุงเทพฯ-ราชบุรี รวมยะยะทางรวม ๆ 350 กิโลเมตร
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- บังคับใช้แล้ว! หลักเกณฑ์การดำเนินงาน 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว
- อะไรทำให้ “ทองคำ” แพง สงคราม หรือการเก็งกำไร ?
ไม่ไกลมาก แต่ได้สัมผัสถึงสมรรถนะและความเปลี่ยนแปลงในรถเวอร์ชั่นนี้
ที่มาสด้าได้จับมือกับอีซูซุ มอเตอร์ ใช้แพลตฟอร์มร่วมกันว่า เมื่อเราใช้งานบนเส้นทางจริง ถนนจริง จะแตกต่างจากแฝดพี่อย่าง “ดีแมคซ์” มากน้อยเพียงใด
แน่นอนว่าการออกแบบนั้น มาสด้าได้ใช้จุดแข็งของตัวเองมาเป็นหรีดสร้างเอกลักษณ์ ความแตกต่างได้อย่างชัดเจนและลงตัวกับ “โคโดะดีไซน์” อันเลื่องชื่อ
ทำให้รถปิกอัพบีที-50 เวอร์ชั่นนี้ ยกระดับหน้าตา กระเดียดขึ้นทางรถเอสยูวีสุดหรู
อย่างที่พูดเสมอว่าเรื่องของหน้าตา สวย ไม่สวย เป็นเรื่องของรสนิยมเฉพาะบุคคลไม่มีถูกผิด
แต่สำหรับรถคันนี้ต้องยอมรับบีที-50 สวยหมดจด โดยเฉพาะในช่วงครึ่งเก๋งตอนหน้าให้ความเป็นรถเอสยูวีชัดเจน
การทดสอบครั้งนี้ เราได้รับมอบหมายให้ดูแลมาสด้า บีที-50 รุ่นดับเบิลแคป 1.9 ลิตร รุ่น DBL 1.9 SP HI-RACER ขับสองยกสูง 150 แรงม้า ให้กำลังสูงสุด 350 นิวตันเมตร เกียร์ธรรมดา 6 สปีด
ต้องบอกว่าดีกว่าเวอร์ชั่นก่อนเยอะ โดยเพิ่มความแข็งแรงของคันเกียร์ ช่วยให้การปรับเปลี่ยนเกียร์ราบรื่น กระชับมือ เรียกว่าจังหวะสับเกียร์ไหลลื่น เนียนมือขึ้นเยอะ
ออกเดินทางจากโชว์รูมมาสด้า เจพี. บนถนนกาญจนาภิเษกตัดเข้าสู่ถนนพระราม 2 แม้ว่าการจราจรจะหนาแน่นไปด้วยเพื่อนร่วมเส้นทาง โดยเฉพาะบรรดาพี่ใหญ่รถบรรทุกทั้งหลายบวกกับการก่อสร้างเป็นระยะ ๆ
ตลอดเส้น ทำให้เราต้องอาศัยจังหวะเพื่อพาบีที-50 คันนี้ออกมาจากสภาพความวุ่นวายด้วยความคล่องตัว พวงมาลัยที่สั่งการได้แม่นยำของบีที-50 ทำเราผ่านสภาพเส้นทางดังกล่าวออกมา
ยิ่งบางจังหวะเรียกความเร็วขึ้นไปที่ 120 กม./ชม. เครื่องยนต์ตอบสนองค่อนข้างดีและราบรื่น
แต่พวงมาลัยค่อนข้างเบา และรับรู้สัมผัสจากพื้นถนนได้ค่อนข้างเร็ว ใช้งานในเมืองที่ต้องเปลี่ยนเลนไปมาบ่อย ๆ ถือว่าดี
แต่กับการวิ่งทางไกลมาก ๆ อาจมี อาการล้าได้จากการที่ต้องประคองพวงมาลัย
มาสด้ายังใส่ระบบตัวช่วยต่าง ๆ ทั้งระบบลดกำลังของเครื่องยนต์เพื่อช่วยเบรก BOS ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลย ABSM ตรงนี้ช่วยได้ค่อนข้างเยอะบางจังหวะที่ต้องอาศัยการตัดสินใจ
ขุมกำลังและอัตราเร่งในช่วงเส้นทางบนถนนหลวงนั้น บีที-50 คันนี้ ทำได้ไม่เป็นรองใคร เชนจ์เกียร์กดคันเร่งเรียกความเร็วเครื่องยนต์พร้อมตอบสนอง
บางจังหวะช่วงรอบที่จากเกียร์ 2 เปลี่ยนไป 3 จังหวะ สังเกตการณ์ขุมกำลังแผ่วลงไปเล็กน้อย แต่ไม่ถึงกับออกอาการน่าเกลียด
เมื่อตัดเข้าสู่ถนนสายรองมุ่งหน้าสู่จุดหมายแรก ภูผา ป่าสน เขต จ.ราชบุรี เป็นเส้นทาง 2 เลน วิ่งสวนทางคดโค้ง แม้จะวิ่งกันด้วยความเร็วพอประมาณ เพื่อจับสังเกตอาการของช่วงล่าง มาสด้าเซตมาค่อนข้างดี แม้จะเข้าโค้งแรง ไม่มีเหวี่ยง ยวบยาบ เกาะถนนในการเข้าโค้งดี แต่บางจังหวะของเส้นทางขรุขระ เป็นหลุมเป็นบ่อ การซับแรงกระแทกของช่วงล่างนั้นทำให้เราต้องหัวสั่นหัวคลอนไปพอตัว
เรียกว่าเมื่อลงจากรถ พอให้สะบัดเนื้อสะบัดตัวคลายกล้ามเนื้อกันบ้าง นึกย้อนหลับไปเมื่อครั้งทดสอบในสนามถือว่าภาพตัด
แต่หากท้ายต้องบรรทุก น่าจะทำให้ช่วงล่างของบีที-50 คันนี้ ไม่โดดเด้ง และน่าให้ความยืดหยุ่น นุ่มนวล และขับได้อย่างสนุกขึ้น
อุปกรณ์อำนวยความสะดวกในห้องโดยสารมีมาให้ครบครัน แถมยังดีไซน์ภายในห้องโดยสารมีพื้นที่กว้างขวาง เรียบหรูดูแพงด้วยวัสดุและการให้สีของเบาะหนังสีน้ำตาล เพิ่มความอบอุ่นแบบมีคลาส
ชัดเจนด้วยมาตรวัดจอแสดงผลข้อมูลต่าง ๆ แบบ TFT ขนาด 4.2 นิ้ว ชัดเจนด้วยหน้าจอสัมผัสแบบ WXGA ขนาด 9 นิ้ว ที่รองรับระบบนำทาง สามารถเชื่อมต่อต่าง ๆ ได้อย่างง่ายดาย
แถมง่ายด้วยระบบช่วยจอด ทำการกะระยะถอยเข้าถอยออก ทำได้มั่นใจ
มาสด้า บีที-50 เป็นรถอีกคันหนึ่งที่เหมาะทั้งการขับขี่ใช้งานในเมืองเพื่อรองรับกับชีวิตประจำวัน หรือหากจะใช้เป็นรถคู่ใจขับออกไปเติมเต็มประสบการณ์ใหม่ ๆ ได้ทุกโอกาสกับราคาค่าตัว 1.012 ล้านบาท