นิสสัน คิกส์ อี-เพาเวอร์ เทคโนโลยีเด่น ออปชั่นแน่น ราคายังน่าคิด

เทสต์คาร์
วุฒิณี ทับทอง

เปิดตัวบ้านเรามาครบรอบหนึ่งปีไปหมาด ๆ สำหรับรถยนต์ นิสสัน คิกส์ ที่นิสสันไทยแลนด์ พยายามสื่อสารว่ารถคันนี้ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100%

ที่ใช้เครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.2 ลิตร เป็นเครื่องกำเนิดไฟฟ้า แล้วส่งมาเก็บไว้ในแบตเตอรี่ลิเทียม-ไอออน

ทำงานคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้าในขนาด 95 กิโลวัตต์ มอเตอร์ให้กำลังสูงสุด 260 นิวตันเมตร ภายใต้เทคโนโลยี ที่เรียกว่า “อี-เพาเวอร์”

สำหรับความจี๊ดจ๊าดและสมรรถนะในการขับขี่ภายใต้รูปแบบการใช้งานจริงจะน่าประทับใจแค่ไหน

ที่สำคัญทำไมรถคันนี้ซึ่งใช้เทคโนโลยี อี-เพาเวอร์ ยอดขายในบ้านเรายังไม่เปรี้ยงปร้าง

สวนทางกับประเทศมาตุภูมิ อย่างญี่ปุ่น ที่ให้การตอบรับกับเทคโนโลยี อี-เพาเวอร์ ในนิสสัน โน๊ต ด้วยยอดขายสูงถึง 5 แสนคัน

อะไรคือความน่าประทับใจของเทคโนโลยีนี้ และทำไมยอดขายในบ้านเราถึงไม่เดิน

วันนี้ “ประชาชาติธุรกิจ” จะพาไปหาคำตอบ…

กับเจ้านิสสัน คิกส์ อี-เพาเวอร์ มาทดสอบกัน

ครั้งนี้ทีมงานจัดรถสีใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวไป อย่างสีน้ำเงิน ไนต์บลู มีเฉพาะในรุ่นวี และรุ่นวีแอลเท่านั้น

ซึ่งนิสสันภูมิใจนำเสนอ เนื่องจากเป็นสีเดียวกับนิสสัน จีทีอาร์

สีสันค่อนข้างสะดุดตา ตั้งแต่แรกเห็น ยิ่งเมื่อต้องกับแสงแดด ประกายของเฉดสีที่สะท้อนออกมา ยิ่งทำให้รถคันนี้โดดเด่นเมื่อวิ่งอยู่บนทางถนน มาให้ทดสอบกัน

ภายในห้องโดยสารโทนสีดำ ลงตัวกับวัสดุอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ถูกนำมาจัดวางให้ง่ายและสะดวกต่อการใช้งาน ซึ่งส่วนตัวแล้วชอบภายในเวอร์ชั่นนี้มากกว่าเวอร์ชั่นที่เป็นทูโทน

แถมนิสสันยังได้เสริมความโดดเด่น หรูหราภายในห้องโดยสารให้ความรู้เทียบชั้นกับรถระดับพรีเมี่ยม บอกเลยว่าให้ความรู้สึกต่างกับรุ่นที่ใช้ภายในแบบทูโทนอย่างสิ้นเชิง

ลงตัวด้วย ชุดแต่ง stylish package ที่มีเฉพาะในรุ่นวีและรุ่นวีแอลเช่นกัน

รุ่นที่เราทดสอบคือ รุ่นวีแอลที่มาพร้อมชุดแต่ง stylish package ได้แก่ ambient light, ไฟส่องสว่างที่พักเท้า, ไฟ welcome light พร้อมโล้โก้ KICKS, ชุดตกแต่งแผงข้างประตูสีดำเงา, ชุดตกแต่งรอบลำโพง, ชุดตกแต่งรอบที่ปรับแอร์, ไฟ LED ส่องแผนที่, ไฟ LED ส่องห้องโดยสาร และไฟ LED พื้นที่เก็บสัมภาระ

ส่วนอุปกรณ์อำนวยความสะดวกอื่น ๆ นั้นมีมาครบครั้ง ทั้งหน้าจอแสดงผล INTELLIGENT AROUND VIEW MONITOR (IAVM) หรือระบบอัจฉริยะที่ช่วยให้เห็นพื้นที่ข้างรถได้รอบทิศทางผ่านกล้อง 4 จุดรอบคัน ทำงานร่วมกับเทคโนโลยีเตือนวัตถุเคลื่อนไหวรอบคัน moving object detection (MOD) ซึ่งทำหน้าที่ตรวจจับและส่งสัญญาณเตือน เมื่อตรวจพบบุคคล หรือวัตถุที่กล้องรอบคันจับการเคลื่อนไหวได้ เพิ่มความปลอดภัย และให้ความมั่นใจในการขับขี่อย่างคล่องตัว ทำให้แทบจะไม่ต้องใช้งาน ระบบเทคโนโลยีกระจกมองหลังอัจฉริยะ INTELLIGENT REAR VIEW MIRROR (IRVM) ที่ใช้กล้องที่ติดตั้งบริเวณประตูหลังเพิ่มความมั่นใจด้วยวิสัยทัศน์ที่กว้างและชัดเจน หมดปัญหาในด้านการมองไปเลย

ระบบเชื่อมต่อโทรศัทพ์ที่ทำได้ง่ายไม่ซับซ้อนรองรับการใช้งานกับหน้าจอเครื่องเสียง ผ่าน apple carPlay อัพเดตโลกออนไลน์และสร้างความบันเทิงได้ตลอดการเดินทาง พร้อมระบบ นำทาง avigation system ผ่าน Google Map และระบบสั่งงานด้วยเสียง voice recognition ที่ใช้งานง่าย

รูปแบบการทดสอบครั้งนี้เป็นการขับขี่ในกรุงเทพมหานครเป็นส่วนใหญ่ การขับขี่ส่วนใหญ่ ตั้งใจเลือกใช้โหมด ECO MODE ที่ปรับการทำงานของเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าให้ใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด เน้นขับในเส้นทางที่ไม่เร่งรีบ แถมได้ความประหยัดและยังเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเพิ่มขึ้น เพราะใช้พลังงานไฟฟ้าในแบตเตอรี่ไม่เยอะ เครื่องยนต์ก็ไม่ต้องทำงานมากในการชาร์จกระแสไฟกลับเข้าไปที่แบตเตอรี่

ยิ่งทำงานคู่กับ one-pedal ที่ขอให้นิยามว่าเป็นเทคโลยี คันเร่งและเบรกอัจฉริยะเพราะเพียงเเค่เราต้องการเพิ่มความเร็วก็กดคันเร่ง แต่หากต้องการลดความเร็วไปจนให้รถหยุดนิ่งเพียงแต่ถอนเท้าออกจากแป้นคันเร่งเท่านั้น รถก็จะจัดชะลอความเร็วลง หรือไปจนถึงหยุดนิ่ง ซึ่ง one-pedal เวอร์ชั่นนี้นุ่มเนียนดีกว่าในนิสสันลีฟ ยิ่งทำให้รู้สึกว่ารถคันนี้น่าใช้ขึ้นเยอะ

ส่วน EV MODE ที่ใช้พลังงานจากแบตเตอรี่เพียงอย่างเดียว เครื่องยนต์จะไม่ผลิตไฟฟ้า นั้นใช้ในการวิ่งบนถนนจริงได้ระยะทางไม่เท่าไร ต้องขออภัยตรงนี้ลืมจับระยะ

แต่เหมาะสมกับการที่เราต้องจอดรถและอยู่ในรถเป็นเวลานาน ถ้าพลังงานในแบตเตอรี่พร้อมตรงนี้ลองจับเวลาได้ราว ๆ 3 นาที ก่อนที่เครื่องยนต์จะทำงานเพื่อผลิตกระแสไฟไปสะสมไว้ในแบตเตอรี่ ช่วยให้เราจอดโดยเปิดแอร์ ได้เป็นเวลานาน ลดมลพิษทางอากาศเพราะเป็นระบบอีวี 100% มลพิษทางเสียงก็ไม่มี

แต่หากจังหวะไหนที่ต้องการความเร่งรีบก็เพียงแค่ปรับโหมดมาเลือก S MODE เพิ่มสมรรถนะในการขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า

แต่โดยส่วนตัว รู้สึกว่าเสียงของมอเตอร์ที่แทรกเข้ามาในห้องโดยสารทำให้เครียด ช่วงล่างนั้นถือว่า รถคันนี้มีคอนเฟิร์ม ขับขี่ได้อย่างคล่องตัว

ถึงตรงนี้บอกได้คำเดียวกว่า เทคโนลียี อี-เพาเวอร์ จะได้รับการตอบรับในญี่ปุ่นไปกว่า 5 แสนคันนั้นไม่แปลกใจ

ส่วนประเทศไทย บ้านเรา สิ่งแรกที่นิสสันต้องเน้นอย่างหนักหน่วงคือ ให้ลูกค้าได้มีโอกาสทำความรู้จัก และสัมผัสกับเทคโนโลยีนี้

บวกกับสิ่งที่นิสสันเพิ่มออปชั่นมาให้ในรุ่นวีและวีแอลขนาดนี้ ก็ถือว่าน่าคบหาไม่น้อย

ส่วนราคา 1.049 ล้านบาท จะตอบโจทย์หรือไม่นั้น คงต้องให้ลูกค้าเป็นผู้ตัดสิน