ไม่ยุบ (สภา) แน่นะวิ !

สภา ประชุม ร่วม
คอลัมน์ : สามัญสำนึก
ผู้เขียน : สมปอง แจ่มเกาะ

ช่วงนี้บ้านเรามีข่าวใหญ่ให้ติดตามมากมายหลายรส

ไม่ว่าจะเป็น ฟุตบอลโลก 2022 ที่กาตาร์เป็นเจ้าภาพ ที่กำลังสนุกและงวดเข้ามาทุกที ซึ่งตอนนี้ได้ 4 ทีมสุดท้ายแล้ว โดย 14 ธ.ค.นี้ อาร์เจนตินา จะเตะกับ โครเอเชีย ถัดไป 15 ธ.ค. ลุ้น ฝรั่งเศส กับ โมร็อกโก 2 คู่นี้ ใครชนะก็จะไปเตะนัดชิงในวันที่ 18 ธ.ค. หลังจากนัดชิงชนะเลิศจบลง กระแสฟุตบอลโลกจะค่อย ๆ ซาลงไป

ฟุตบอลโลกที่กาตาร์จบไปแล้ว แต่เรื่องเงินค่าลิขสิทธิ์การถ่ายทอดบ้านเราคงยังไม่จบง่าย ๆ

ที่มาแรงไม่แพ้กันอีกข่าวหนึ่งก็เห็นจะเป็น โควิด-19 ที่กลับมาอยู่ในช่วงขาขึ้นอีกครั้ง ส่วนหนึ่งเพราะคนกลับมาใช้ชีวิตตามปกติมากขึ้น งานบุญงานกุศลกฐิน-ผ้าป่า ปาร์ตี้ รื่นเริง สังสรรค์ ไม่ระมัดระวัง การ์ดตก

หลังจากกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ได้ปรับให้ โควิด-19 เป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง ตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ. 2558 ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2565 ที่ผ่านมา และได้ปรับการรายงานโรคเป็นรายสัปดาห์ โดยเริ่มการรายงานเป็นรายสัปดาห์ ครั้งแรก เมื่อ 3 ต.ค.ที่ผ่านมา

ครั้งล่าสุด สัปดาห์ที่ 49 (4-10 ธ.ค.) ตัวเลขจาก กรมควบคุมโรค ระบุว่า มีผู้ป่วยรายใหม่ 3,961 คน หรือเฉลี่ยรายวัน 566 คน/วัน ขณะที่ผู้เสียชีวิตรายใหม่ ตัวเลขอยู่ที่ 107 คน หรือเฉลี่ยรายวัน 15 คน/วัน

ADVERTISMENT

จากก่อนหน้านี้ในสัปดาห์ที่ 48 (27 พ.ย.-3 ธ.ค.) มีผู้ป่วยรายใหม่ 4,284 คน หรือเฉลี่ยรายวัน 612 คน/วัน ขณะที่ผู้เสียชีวิตรายใหม่ ตัวเลขอยู่ที่ 105 คน หรือเฉลี่ยรายวัน 15 คน/วัน

ร้อนถึง กระทรวงสาธารณสุข ที่ต้องลุกขึ้นมารณรงค์เร่งฉีดวัคซีนอีกรอบ โดยพุ่งเป้าไปที่ผู้ที่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีน เข็ม 1 และผู้ที่ได้รับวัคซีน ครบ 2 เข็ม แต่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น รายจังหวัด โดยรวมเป้าหมายการเร่งรัดฉีดวัคซีนไว้ที่ 2.09 ล้านโดส

ADVERTISMENT

อีกเรื่องที่คนสนใจมากในช่วงนี้ก็เห็นจะเป็น “ตู้ห่าว” ทุนมังกรเทา ที่ “ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์” ออกโรงมาชี้เป้าจนสะเทือนไปทั้งบาง ทั้งแวดวงตำรวจไปจนถึงนักการเมือง ตอนนี้ทุกคนต่างเฝ้าจับตารอดูว่า ผลจะออกมาเป็นอย่างไร

ขออย่าเป็นมวยล้มต้มคนดูก็แล้วกัน

แต่ทั้ง 3 ข่าวใหญ่ที่ว่า คงไม่มีอะไรร้อนแรงเท่ากระแสการเมืองในเวลานี้เป็นแน่แท้

ไม่ต้องอื่นไกล ดูจากพาดหัวข่าว มติชน รายวัน ช่วง 2 วันที่ผ่านมา คงสะท้อนอะไรได้ไม่มากก็น้อย

เริ่มจาก ฉบับวันจันทร์ที่ 12 ธ.ค. “กวาด 37 ส.ส. 9 พรรคเข้าสังกัด ภท.โชว์พลังดีล “อนุทิน” เล็งเปิดตัว 16 ธ.ค. ดูดครบ พปชร.-พท.-ก.ก.”

ถัดมา อังคารที่ 13 ธ.ค. “พท.เตือนย้ายพรรค ปชช.ลงโทษ สาปส่งงูเห่าสอบตก ลั่นทวงคืน ส.ส.ทุกเก้าอี้ 10 เพื่อไทยยันซบ ภท.ยกเหตุไม่ส่งชิงเลือกตั้ง 12 พปชร.กรุงชิ่งไป 3 ค่าย”

อ่านพาดหัวว่าสนุกแล้ว พลิกเข้าไปอ่านรายละเอียดยิ่งสนุกกว่า โยกย้ายเปลี่ยนพรรคกันฝุ่นตลบเลยทีเดียว ทั้ง ส.ส. แกนนำ ไปจน กรรมการบริหารพรรค ย้ายทั้งพรรคร่วมรัฐบาล ทั้งพรรคฝ่ายค้าน เรียกว่า “ร้อนฉ่า” เลยทีเดียว

ขนาดว่า ท่านชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภาและประธานสภาผู้แทนราษฎร ยังออกปากและเปรย ๆ ว่า “…เวลานี้บรรยากาศไม่ค่อยแน่นอนว่ารัฐบาลจะยุบสภาเมื่อไหร่”

อาจจะกล่าวได้ว่า ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นนี้เป็นเกมการเมืองเพื่อการสร้างความได้เปรียบก่อนจะถึงการเลือกตั้งครั้งหน้าที่กำลังจะมาถึง ซึ่งคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ปักหมุดหมายไว้ เป็นวันที่ 7 พ.ค. 66 ในกรณีที่ รัฐบาล พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา อยู่ครบวาระ 4 ปี ในวันที่ 23 มี.ค. 2566 (รัฐธรรมนูญ มาตรา 102 กำหนดให้มีการเลือกตั้งภายใน 45 วัน นับตั้งแต่วันที่สภาผู้แทนราษฎรสิ้นอายุ)

หรือหากนายกฯประกาศยุบสภา ก่อนครบวาระ ต้องกำหนดให้มีการเลือกตั้งทั่วไปภายใน 45 วัน แต่ไม่เกิน 60 วัน นับแต่วันพระราชกฤษฎีกาใช้บังคับ (รัฐธรรมนูญ มาตรา 108 วรรคสอง)

สรุปเป็นว่า เตรียมตัวเลือกตั้งกันได้แล้ว ส่วนจะช้าหรือเร็วกว่าที่หมุดหมายที่ กกต.ทำไว้หรือไม่ อย่างไร ต้องติดตาม และลุ้นกันต่อไป…ห้ามกะพริบตา !