
คอลัมน์ : สามัญสำนึก ผู้เขียน : สมถวิล ลีลาสุวัฒน์
เราคงต้องอดทนกันนานพอสมควร กว่าที่จะได้เห็น “การเมือง” มีเสถียรภาพและเป็นแรงบันดาลใจให้คนไทยไปต่ออย่างมีความสุข
ปัญหาปากท้องที่ชาวบ้านรอการแก้ไขก็ต้องรอต่อไป
- หวั่น EV ไทย…ซ้ำรอยจีน
- “ทรู-ดีแทค” ถล่มโปร “คืนค่าเครื่อง” ย้ำรวมกันได้มากกว่า
- ครม.เศรษฐา ออกกฎเหล็ก-วางแนวทางให้ข่าวสื่อมวลชน
รอเหมือน “พรรคก้าวไกล” ที่ต้องดิ้นต่อสู้กับมือที่มองไม่เห็น มือที่ขี้อิจฉา มือที่ขวางทางน้ำ และมือที่เกลียดความก้าวร้าวของน้องส้ม
การต่อสู้ด้วยกฎหมาย ที่ต่างฝ่ายต่างมั่นใจกับปมถือหุ้นสื่อ ดูจะเป็นข่าวน่าเบื่อและซ้ำซาก แต่ต้องติดตาม
เพราะนี่คือ การเดิมพันกับตำแหน่ง “นายกรัฐมนตรี” หรือความเป็นที่ 1 ในการบริหารประเทศ หลังเลือกตั้งแบบพลิกฟ้าพลิกแผ่นดิน
ตราบใดที่คนในชาติระแวงกันเอง เกลียดชังกันเอง คอยเสี้ยมและเชียร์พวกพ้องไม่ลืมหูลืมตา ก็อย่าหวังว่า แผ่นดินที่เหยียบอยู่จะสงบสุข อย่าหวังเศรษฐกิจจะไปได้ดี
ยิ่งหัวอกเจ้าของกิจการ ผู้ประกอบการ นักธุรกิจและนักลงทุนทั้งรายใหญ่รายเล็ก ความรู้สึกคงไม่แตกต่าง แต่ไม่กล้าแอะ กลัวงานเข้า ทัวร์ลง
โลกโซเชียลจึงเป็นแอ่งกระทะของการระบายความในใจทั้งด้านมืดด้านสว่าง (ฉายความสำเร็จ ตอกย้ำเป้าหมายซ้ำ ๆ ให้คนซึมซับและเชื่อ)
ช่วงรอการจัดตั้งรัฐบาลใหม่จึงมีผลให้เกิดการซวนเซ
จะสุญญากาศก็ไม่ใช่ จะเกียร์ว่างก็ไม่เชิง แต่เอกชนเริ่มไม่สนใจและคาดหวังอะไรอีกแล้ว
ปรับได้ปรับ เพราะการปรับตัวเอง แน่นอนที่สุด
“วัน แบงค็อก” โปรเจ็กต์แสนล้านของ เจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี ก็เลื่อนเปิดตัวแบบเงียบ ๆ เดิมวางแผนจะเปิดเฟสแรกเดือนตุลาคม หรือไตรมาสที่ 4 ของปี 2566
มาวินาทีนี้ประกาศเปิดตัวใหม่จะให้บริการเฟสหนึ่งในไตรมาสแรกของปี 2567
เหตุผลไม่มีใครพูดชัด แต่การเลื่อนเปิดโครงการใหญ่ระดับชาติแบบนี้ย่อมไม่ธรรมดา เพราะหน้าตารัฐบาลใหม่ยังไม่มี บทสรุปคดีหุ้นสื่อก็ยังไม่รู้หัวก้อย
หนำซ้ำ กกต.ประกาศจะนับแต้มเลือกตั้งอีกครั้ง 16 จังหวัด ลึก ๆ ก็กลัวม็อบจะมาซ้ำประวัติศาสตร์ หลายปีก่อนเคยเจอม็อบคนแก่ มาปีนี้อาจเจอม็อบเด็ก
กลับมาที่ One Bangkok ถือเป็นจิ๊กซอว์สำคัญของทำเลพระรามที่ 4 ที่จะปั้นให้เป็น CBD แห่งใหม่ใหญ่ระดับโลก
ซึ่งเป็นหนึ่งในพอร์ตโฟลิโอของเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ คอมเมอร์เชียล (ประเทศไทย) เฉพาะโครงการนี้มีมูลค่ามากถึง 1.25 แสนล้านบาท นับเป็นอสังหาริมทรัพย์เอกชนที่มีขนาดใหญ่สุด ลงทุนสูงสุดเท่าที่ประเทศไทยเคยมีมา
และกว่าจะได้เช่ายาวที่ดินผืนนี้จากสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ เครือบริษัทเจ้าสัวเจริญก็เหนื่อยพอสมควรกับการแข่งชิงประมูลกับเจ้าสัวเซ็นทรัล เจ้าสัวแสนสิริ ฯลฯ
เมื่อได้ครอบครองที่ดินแปลงเด็ดแล้ว สิ่งหนึ่งที่กลุ่มเจ้าสัวเจริญตั้งใจมากคือ ต้องทำให้เป็นโครงการรักษ์โลก โดยมีกรีนพาร์คอย่าง “สวนลุมฯ” ยืนประกบคู่ฝั่งตรงข้าม เพื่อให้ถนนวิทยุ-พระรามที่ 4 มีพื้นที่สีเขียวคู่แฝดที่โดดเด่น
นอกจากวัน แบงค็อก กลุ่มเจ้าสัวได้ทยอยลงทุนมาเต็มสตรีมแล้ว ตั้งแต่โครงการสามย่าน มิตรทาวน์, สีลม เอจ เดอะ ปาร์ค, เอฟวายไอ เซ็นเตอร์ และศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์โฉมใหม่ หากรวมมูลค่าลงทุนก็เกือบแสนล้าน
เป็นการพลิกโฉมย่านเก่าแก่ใจกลางเมืองให้เป็นถนนการค้าสมัยใหม่ ที่มีทั้งคอนโดฯ ออฟฟิศ มิกซ์ยูส โดยมีนักลงทุนต่างชาติเป็นลูกค้าเป้าหมาย ทำให้เราเห็นภาพอนาคตและได้กลิ่นความเจริญมาแทนที่สลัมคลองเตย
หลายคนถามว่า วัน แบงค็อก จะขายให้ใคร จะขายได้หรือ
ก็ตอบไปว่า ไม่ต้องห่วงเค้าหรอก เขาลงทุนได้ขนาดนี้ ตลาดก็ต้องมี เฟรเซอร์สฯ สิงคโปร์ กระจอกซะที่ไหน
และเทียบไม่ได้กับคอนโดฯทั่วไปที่เน้นขายลูกค้าชนชั้นกลางลงล่าง ที่ตอนนี้กำลังเจอภาวะตลาดอืด กำลังซื้อชะงัก ของขายไม่ออก กว่าจะขายได้แต่ละยูนิตเลือดตากระเด็น
ยิ่งมาเจอต้นทุนสูงปรี๊ด ทั้งค่าไฟ ดอกเบี้ย เงินเฟ้อ หุ้นไซฟ่อน ฯลฯ
ซีอีโอหลายคนบอกว่า ผมอยากจะลาออกแล้วครับ (ฮือ)