นักธุรกิจยั่วให้คลิก ญัตติสาธารณะ

นักธุรกิจ ยั่วให้คลิก ญัตติสาธารณะ
คอลัมน์ : สามัญสำนึก 
ผู้เขียน : อิศรินทร์ หนูเมือง

 

คึกคักคู่ขนาน ทั้งการเร่งเครื่องนำนโยบายการหาเสียงลงสู่การปฏิบัติของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง กับเสียงก้องจากฐานมวลชนทุกหย่อมหญ้า “รัฐบาลเศรษฐา ควรแก้ปัญหาอะไร ?” ผ่านโพลมติชนXเดลินิวส์ ที่ยั่วให้คลิกโหวต จนถึงวันที่ 31 ตุลาคม 2566

คำถามที่ว่ารัฐบาลควรแก้ ปัญหาเศรษฐกิจปากท้อง หรือปัญหาการเมือง ถูกโยนขึ้นถกทุกวงสนทนา ตั้งแต่ระดับเศรษฐี-รัฐมนตรี-นักการเมืองระดับชาติ ไปจนถึงผู้นำท้องถิ่น รวมทั้งปัญญาชนสาธารณะ

ชั่วเวลาแค่สัปดาห์แรกของการลงมือโหวตเห็นภาพความสูสีของเสียงที่สะท้อนชัดว่า ทั้งเสียงที่ต้องการให้แก้ปัญหาเศรษฐกิจ และการเมือง อยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกันอย่างมีนัยสำคัญ ทิ้งห่างกันเล็กน้อยเท่านั้น

ญัตติสาธารณะ ที่มติชน-เดลินิวส์ ตั้งประเด็น ได้รับคำตอบและคำเสนอแนะจากนักธุรกิจ อย่างแข็งขันและเข้มข้น

เริ่มจากผู้บริหารยักษ์ใหญ่จากบริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย นายสุรศักดิ์ สุทองวัน รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ให้ความเห็นว่า “ทั้งปัญหาเศรษฐกิจและการเมืองเป็นปัญหาที่แยกกันไม่ออก ควรจะต้องแก้ไปพร้อมกัน แต่เรื่องที่ต้องแก้ระยะสั้นนี้คือเศรษฐกิจ ระยะยาวคือเรื่องการเมือง”

ADVERTISMENT

ที่แจ่มชัด-ตรงไปตรงมาที่สุด คือความเห็นของ นายสมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) AIS ที่สะท้อนเสียงว่า “สิ่งสำคัญมากคือ เราต้องช่วยกันแก้ปัญหาเศรษฐกิจอย่างเร่งด่วน เพราะหลังจากสถานการณ์โควิด มีปัญหาหนี้ครัวเรือนเพิ่มมากขึ้น ดังนั้น รัฐบาลต้องเร่งแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ตนเชื่อว่าถ้าเศรษฐกิจดี การเมืองก็จะดีไปด้วย”

นักธุรกิจหญิงแกร่ง ที่ผ่านมาแล้วทุกวิกฤต เฉพาะอย่างยิ่ง “ยุคโควิด” เมื่อถึงยุครัฐบาลปัจจุบัน จึงเกิดความกระฉับกระเฉง ในการร่วมเดินหน้าเคลื่อนประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการค้า คุณศุภลักษณ์ อัมพุช ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด บอกทันทีว่า “เอกชนพร้อมแล้ว อยากให้ทำอะไรก็พร้อมเต็มที่ ในฐานะคนไทยคนหนึ่ง อยากเห็นประเทศชาติเจริญก้าวหน้า โดยเฉพาะให้ไทยเป็นศูนย์กลางทางการค้า ศูนย์กลางธุรกิจ และการท่องเที่ยว”

ADVERTISMENT

ที่พร้อมยิ่งกว่าพร้อม ในการร่วมขบวนกับรัฐบาล นำนโยบายไปสู่การบริการด้านการเงินถึงปากท้องประชาชน คือธนาคารออมสิน โดยคำตอบจากปาก นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน บอกว่า การทำโพลสอบถามความคิดเห็นประชาชน เป็นโครงการที่ดี ที่จะได้รับเสียงสะท้อนจากประชาชน เชื่อว่ารัฐบาลตั้งใจฟังมาก ๆ ในการฟังและได้ข้อมูลนี้ไปช่วยเหลือประชาชน

“ในฐานะที่ธนาคารออมสินก็เป็นหน่วยงานรัฐ ก็จะช่วยเหลือประชาชน ช่วยสังคม ตามนโยบายรัฐบาล” ผู้อำนวยการธนาคารออมสินกล่าวย้ำ

ไม่เพียงนักธุรกิจเท่านั้น ที่ร่วมวงสะท้อนปัญหาและความต้องการ ยังมีกลุ่มหัวขบวนปัญญาชนสาธารณะ ที่กระตือรือร้นไม่น้อย ในการเสนอความเห็นทั้งในและนอกโพล

ศ.พิเศษ ธงทอง จันทรางศุ ศาสตราภิชานประจำคณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และอดีตคณบดี มองทะลุปัญหาใหญ่ ชี้เปรี้ยงไปเลยว่า “ผมคิดว่าการเมืองส่งผลต่อระบบโครงสร้างทั้งหมด ความเห็นผมเดินเรื่องการเมืองก่อน แล้วเศรษฐกิจก็จะตามมา โพลระหว่างมติชนกับเดลินิวส์ครั้งนี้มีความสำคัญที่จะส่งเสียงอย่างเป็นทางการของเราไปยังผู้มีอำนาจ คือรัฐบาลนำไปประกอบการตัดสินใจ”

“ซึ่งทั้งสองเป็นปัญหาที่ง่ายและยากไปพร้อม ๆ กัน เพราะเห็นว่าเป็นตัวเลือกที่มันมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกันระหว่างการเมืองกับเศรษฐกิจ แต่ถ้าต้องเลือกเดินบันไดขั้นแรกของการก้าวไปแก้ปัญหาในระยะยาว”

สอดคล้องกันอย่างยิ่งกับ นักวิชาการฝีปากกาคม อย่าง ศ.กิตติคุณ ดร.สุรชาติ บำรุงสุข คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่คิดว่าการเมืองในรอบนี้โจทย์ใหญ่ ๆ เยอะ มีทั้งการเมือง เศรษฐกิจ ปัญหาจากต่างประเทศ และปัญหาภายในที่รุมเร้าของเราเอง ดังนั้นจึงต้องจัดลำดับความสำคัญเร่งด่วนในการแก้ปัญหา

“เรามักจะพูดว่าเสียงของประชาชนเป็นเสียงสวรรค์ แต่หากอยากให้เสียงประชาชนเป็นเสียงสวรรค์จริง ๆ ผมว่าประชาชนคงต้องส่งสัญญาณ มันอาจจะไม่ใช่การเดินไปที่คูหา แต่อย่างน้อยสัญญาณครั้งนี้จะเป็นเสียงบอกว่า เราในฐานะประชาชนอยากเห็นรัฐบาลแก้ปัญหาอะไร เพื่อตอบสนองความต้องการของสังคม และตอบสนองต่อความต้องการของชุมชนที่เราอาศัยอยู่ร่วมกัน”

“ที่สำคัญที่สุด อยากเห็นประชาชนช่วยกันสะท้อนว่า อยากให้รัฐบาลแก้ปัญหาอะไร ทั้งในมุมเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง”

โพลมติชนXเดลินิวส์ นับเป็นญัตติสาธารณะ ที่ยั่วให้คลิกทุกหย่อมหญ้า และน่าตื่นเต้นที่จะรอคอยผลการโหวต 

คลิกโหวตที่นี่ : https://poll.matichon.co.th/srettha-government-2023/