
คอลัมน์ : สามัญสำนึก ผู้เขียน : สมถวิล ลีลาสุวัฒน์
ท่ามกลางข่าวร้ายรายวัน สงคราม ดอกเบี้ย เงินเฟ้อ เงินแจกหมื่นบาท โปรเจ็กต์สุดทางฝันของนายกฯ เศรษฐา ไม่รู้จะออกหัวออกก้อย
ซ้ำมาเจอข่าว “ศาลปกครองกลาง” สั่งเพิกถอนรายงาน EIA โครงการ 125 สาทรของตระกูล “มหากิจศิริ” และใบอนุญาตก่อสร้าง แม้จะตอกเสาเข็มไปแล้ว กลายเป็นประวัติศาสตร์ซ้ำรอยเหมือนแอชตัน อโศก ของตระกูล “เรืองกฤตยา”
- จับตาธุรกิจเลิกจ้าง ปิดกิจการ ส่งออกสะดุด-บริษัทยักษ์ย้ายฐาน
- เช็กเงื่อนไขกู้ “ออมสิน” ปลดหนี้นอกระบบ คุณสมบัติผู้กู้ต้องมีอะไรบ้าง ?
- หุ้นกู้ออกใหม่เดือน ธ.ค. บริษัทแห่ระดมทุน จูงใจจ่ายดอกเบี้ยสูง 7%
เคสนี้มีตื้นลึกหนาบาง เจ็บปวดกันทุกฝ่าย เป็นอีกวิบากกรรมที่น่ากังขา อะไรคือหลักประกัน สุดท้ายคนที่แกว่งที่สุดคือผู้บริโภค หรือผู้ที่คิดจะซื้อที่อยู่อาศัย
กลับมาเรื่องเบา ๆ เห็นโฆษณาชิ้นหนึ่งแล้วชอบใจมาก
เป็นงานโฆษณาที่บูลลี่แบรนด์ตัวเอง เพื่อแก้ปัญหาแบรนด์
แค่อยากให้คนทั่วไปรู้ว่า
“สัมมากร” ขายบ้านนนนนนนนนนนนนนนนนน
เพราะเจ้าของ-พนักงานบริษัทเจอปัญหาคนจำแบรนด์ไม่ได้
ทั้ง ๆ ที่ “สัมมากร” เป็นแบรนด์เก่าแก่ ที่อยู่ในวงการอสังหาริมทรัพย์มานานถึง 43 ปีแล้ว
ความตลกร้ายของปัญหาคือ คนส่วนใหญ่มักเข้าใจผิด คิดว่าเป็น “สรรพากร”
เป็นความเข้าใจผิดจริง ๆ แบบซ้ำซาก อธิบายแล้ว พูดแล้ว ก็ยังไม่เคลียร์ ลูกค้ายังถามซ้ำยื่นภาษีช่องไหน เหนื่อยใจแทนจริง ๆ
ถามบ่อยจนผู้บริหารต้องวิ่งพึ่งเอเยนซี่มาช่วยบิลด์และทะลุทะลวงแก้ปัญหาให้อยู่หมัด
หากนึกไม่ออก ลองเปิดเว็บไซต์ SAMMAKORN จะเห็นหน้าแรก
คำว่า “สัมมากร” ขายบ้าน ตัวเบ้อเริ่ม
ทั้งเรื่องเป็น Based on true story
สร้างจากเรื่องจริง ชีวิตจริง ของพนักงานสัมมากร ที่ต้องเจอกับปัญหาแบบนี้มาตลอดจนเครียด แต่บางครั้งก็ฮา หัวเราะทั้งน้ำตาอยู่บ่อยครั้ง
เพราะปัญหาที่มาจากชื่อแบรนด์ “สัมมากร” ของบริษัทนั่นเอง เป็นปัญหาที่ทุกคนอยากระบาย
จนได้เอเยนซี่โฆษณามือฉมังชื่อว่า “ชูใจ กะ กัลยาณมิตร” ที่มีพี่ใหญ่ “ป๋อม-กิตติ ไชยพร” เป็นหัวหน้าทีม
แม้พวกเขาจะถ่อมตัวว่าเป็นบริษัทเอเยนซี่เล็ก ๆ ที่ไม่ใช่นักฝัน หรือ NGO แต่ลูกค้าในวงการต่างการันตีว่า ค่ายนี้แหละ “ของจริง”
เพราะมีความคิดเป็นตัวของตัวเอง สร้างสรรค์งานได้อย่างล้ำลึก นึกไม่ถึง ดูง่าย ๆ แต่โดน
ทำให้งานหลายชิ้นของกลุ่มชูใจถูกพูดถึงเป็น talk of the town ชั่วข้ามคืน
รวมถึงส่งพลัง สร้างแรงบันดาลใจ และทำให้หลายต่อหลายคนลุกขึ้นมาสร้างการเปลี่ยนแปลงในแบบของตัวเอง
จากโฆษณา “สัมมากร”
เมื่อชูใจเจอปัญหาที่ unique ขนาดนี้ พวกเขาเลยแปลงเป็นไอเดียซะเลย
คือ ย้อนรอย ทำให้คนจดจำแบรนด์ โดยไม่รู้สึกยัดเยียด ด้วยการบูลลี่ตัวเอง (bully)
การที่แบรนด์แสดงตัวเองว่า มีปัญหาเหมือนคนทั่วไป จะทำให้มีความเป็นมนุษย์มากขึ้น เหมือนเป็นการชวนคนดูมานั่งใกล้ ๆ เล่าสู่กันฟัง
หัวเราะไปด้วยกัน แซวกันก็ได้ เห็นใจก็ดี
คนดูจะรู้สึกสนิทใจ ใกล้ชิด
แบรนด์ก็จะถูกจดจำโดยไม่รู้ตัว
ทั้งหมดนี้ แค่อยากให้รู้และบอกต่อ ๆ กันไปว่า
“สัมมากรขายบ้าน” ไม่ใช่สรรพากร
แม้แต่ คุณตรี-กิตติพล ปราโมช ผู้บริหารเคียงคู่สัมมากรยังเล่าติดตลกว่า เมื่อก่อนชวนเพื่อนมาดูไซต์สัมมากร ทุกคนต่างเดินหนี วันนี้ตาสว่างละ
ที่ชอบมากเข้าไปอีกคือ นักแสดงที่เป็นพนักงาน เธอมีความมานะบากบั่นพากเพียรและอดทนในการตอบคำถามลูกค้า อธิบายซ้ำแล้วซ้ำเล่า ลูกค้าก็ยังฝังใจ
สัมมากรคือสรรพากร 555
เหมือน 20 ปีก่อนได้ชวนอาม่าไปดูโครงการสุขสันต์ ทาวน์เฮาส์ย่านฝั่งธนฯ
อาม่าส่ายหัว “อั๊วม่ายปาย ปายทำมาย บ้านสุสาน ชื่อบ่อฮ่อ ม่าย ๆ ๆ ๆ”