
คอลัมน์ : สามัญสำนึก ผู้เขียน : สุดใจ ชาญชาตรีรัตน์
เรื่องของบริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA ถือเป็นข่าวฉาวช็อกแห่งปี’67 สั่นสะเทือนตลาดทุน
เกิดอะไรขึ้นกับหุ้นที่เคยร้อนแรง มีมูลค่ามาร์เก็ตแคปสูงถึง 3.6 แสนล้าน กระทั่งทำให้ “สมโภชน์ อาหุนัย” ในฐานะเจ้าของและซีอีโอ ติดมหาเศรษฐีอันดับ 6 ของฟอร์บส ประเทศไทย เมื่อปี 2565
จากหุ้น EA ที่เคยได้เครดิตความน่าเชื่อถือในระดับ A
และ “สมโภชน์” เคยได้รับรางวัลผู้บริหารสูงสุดดีเด่น หรือ CEO Awards จากตลาดหลักทรัพย์ฯ ปี 2020 และปี 2022
หลังจากสำนักงาน ก.ล.ต. กล่าวโทษนายสมโภชน์และพวก ต่อ DSI และ ปปง. เรื่องการทุจริตโครงการจัดซื้ออุปกรณ์จากต่างประเทศไซฟอนเงินบริษัท 3,465.64 ล้านบาท
“ทริสเรทติ้ง” หั่นเครดิต EA จากระดับ BBB+ ลงสู่ BB+ ซึ่งถือว่าเป็นระดับ Junk Bond ซึ่งจุดสำคัญที่ทำให้แผนการขายหุ้นกู้ และกู้เงินแบงก์อยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก
อย่างไรก็ดี หุ้น EA นั้นถูกปรับลดเครดิตมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมา จากระดับ A เป็น A- และเดือนมิถุนายนก็ปรับลดเครดิตสู่ระดับ BBB+ ผลจากหนี้สินภาระทางการเงินต่อ EBITDA ของบริษัทอยู่สูงกว่าเกณฑ์ และสตอรี่ธุรกิจหลาย อย่างก็ไม่ได้เป็นไปตามแผน
เรื่องนี้มีข้อมูลเบื้องหลังมากมาย ทำให้สำนักงาน ก.ล.ต.ใช้เวลาถึง 8 ปี หลังรับเรื่องร้องเรียนกว่าจะออกมากล่าวโทษ
ขณะที่ ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร นักลงทุนเน้นคุณค่า (VI) ได้กล่าวถึง “ทฤษฎีแมลงสาบ” ที่มักจะทำให้นักเล่นหุ้นทั่วไป รวมถึงรายใหญ่บาดเจ็บอย่างหนัก
และบอกว่า “ถ้าเราเห็นแมลงสาบตัวหนึ่งอยู่แถวห้องครัว ก็จงเชื่อเถอะว่ามันยังมีแมลงสาบอีกหลายตัวที่ซ่อนอยู่ และก็จะโผล่ออกมาเรื่อย ๆ”
หมายถึงเมื่อเกิดเรื่อง “ฉาวโฉ่” หรือการฉ้อฉล จนถึงการสร้างสตอรี่ที่เกินความเป็นจริงต่าง ๆ เดิมทีไม่มีใครรู้ แต่จะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม เมื่อเรื่องเลวร้ายเหล่านี้เปิดเผยออกมา ก็ทำให้คนทั่วไปเริ่มเห็นกลโกงที่เกิดขึ้นจากความตั้งใจของผู้บริหาร เหมือน “แมลงสาบ” ตัวหนึ่งที่โผล่ออกมา
ดร.นิเวศน์ระบุว่า แทบจะทุกครั้ง จะมีคนออกมาบอกว่า เรื่อง “จบแล้ว” มีแมลงสาบเพียงตัวเดียว แต่ตามทฤษฎีแมลงสาบบอกว่า จะยังมีแมลงสาบอีกหลายตัวมากที่ซ่อนอยู่ และในที่สุดมันก็จะโผล่ออกมาให้เห็นอยู่เรื่อย ๆ
เพราะเมื่อมีบริษัทไหนที่ใช้ “กลโกง” บางอย่างได้สำเร็จก็จะเริ่มหากลโกงอื่นเพื่อที่จะหาผลตอบแทนเพิ่มขึ้นอีก หรือหากลโกงอื่นเพื่อที่จะมาปิดบังกลโกงเดิมให้อยู่ต่อไปให้นานที่สุด
และนั่นก็คือแมลงสาบที่ขยายพันธุ์ขึ้นเป็นฝูง จนถึงวันหนึ่งที่แมลงสาบตัวหนึ่งถูกขุดพบ หรือเผลอโผล่ขึ้นมา
ดร.นิเวศน์เล่าว่า ทฤษฎีแมลงสาบ มักจะเกิดขึ้นในช่วงที่ตลาดหุ้นบูมหรือหุ้นบางกลุ่มบูมขึ้นมา ซึ่งจะก่อให้เกิดความโลภของคนที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะเจ้าของ-ผู้บริหารที่เห็นโอกาสรวยและรวยมากอย่างง่าย ๆ
โดยสร้างสตอรี่ สร้างรายได้และกำไรเทียม ไซฟอนเงินบริษัท ทำกำไรจากการซื้อขายหุ้น และสร้างกระแสในด้านที่ดี ๆ
แต่สิ่งที่ไม่จริงก็ “ไม่ยั่งยืน” ภายในเวลา 3-4 ปี หรืออย่างมากไม่น่าเกิน 6-7 ปี รอยปริมักจะเกิดขึ้น และค่อย ๆ ลามจนแตกในที่สุด
ดร.นิเวศน์ยกกรณีของ Enron บริษัทพลังงานยักษ์ระดับโลกที่มีผลดำเนินงาน “สุดยอด” ในช่วงปี 2000 ราคาหุ้นไปถึง 90 เหรียญ แต่ที่สุดร่วงลงเหลือ 1 เหรียญ ในเดือนพฤศจิกายน 2001 เมื่อมีการค้นพบเรื่องฉาวโฉ่ การตกแต่งบัญชีที่ถูกซุกซ่อน
Enron กลายเป็นการล้มละลายที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์อเมริกาในช่วงนั้น ขณะที่บริษัทผู้สอบบัญชีระดับท็อป 5 ที่ต้องปิดตัวลงเพราะทำงานผิดพลาดอย่างแรง
ผู้บริหารสูงสุดของ Enron ติดคุก รัฐบาลสหรัฐต้องออกกฎหมายหลายฉบับเพื่อ “ปฏิรูป” ระบบรายงานทางการเงินที่จะทำให้เกิดความเที่ยงตรงและโปร่งใส
ขณะที่ตลาดหุ้นไทยช่วงนี้ ดูเหมือนว่า “แมลงสาบ” เริ่มโผล่ออกมาเรื่อย ๆ ส่วนหนึ่งอาจเพราะดัชนีหุ้นไทยที่ซบเซายาวนาน ทำให้กลายเป็น “น้ำลดตอผุด”
นี่ก็คงเป็นภาระหน้าที่ของตลาดหลักทรัพย์ฯ และสำนักงาน ก.ล.ต. ที่จะช่วยกันกำจัดแมลงสาบตลาดหุ้นอย่างรวดเร็วเพื่อฟื้นความเชื่อมั่นตลาดทุนไทย