สภาสูงและ “ความหวัง”

glo
คอลัมน์ : สามัญสำนึก 
ผู้เขียน : วรศักดิ์ ประยูรศุข

มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งประธานและรองประธานวุฒิสภา ตั้งแต่ 26 ก.ค.ที่ผ่านมา

ประกอบด้วย นายมงคล สุระสัจจะ เป็นประธานวุฒิสภา และรองอีก 2 ได้แก่ พล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ เป็นรองคนที่หนึ่ง และ นายบุญส่ง น้อยโสภณ เป็นรองคนที่สอง

ทั้ง 3 คนมาจากการลงคะแนนของ สว.ชุดใหม่ 200 คน ที่ผ่านการเลือกกันเองในเดือน มิ.ย. เป็นอันว่าประเทศไทยมีวุฒิสภาชุดใหม่ พร้อมทำหน้าที่ เป็นอันปิดฉาก สว. 250 คน ที่มาจากบทเฉพาะกาลของรัฐธรรมนูญ

ดูจากชื่อ ประสบการณ์ และภูมิความรู้ ทีมประธานและรองชุดนี้ ถือว่าผ่าน น่าจะทำงานให้สภาสูงได้ไม่ยาก ส่วนจะไปทางไหน อย่างไร ต้องรอดูกันไป

สำหรับ สว.ชุดใหม่ มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ทั้งในแง่ตัวบุคคล และกระบวนการเลือกไปมากแล้ว เรียกว่า “ฉ่ำ” ไปเลย

ผลการเลือกเป็นยังไง มีตัวเลขจากสื่อบีบีซีไทย แยกที่มาเป็นจังหวัดไว้อย่างน่าสนใจ ดังนี้

ADVERTISMENT

5 อันดับของจังหวัดที่มี สว. มากที่สุด ได้แก่ บุรีรัมย์ 14 คน, กทม. 9 คน, พระนครศรีอยุธยา และสุรินทร์ จังหวัดละ 7 คน

สงขลา, สตูล และอ่างทอง จังหวัดละ 6 คน, นครศรีธรรมราช, เลย, ศรีสะเกษ, อำนาจเจริญ และอุทัยธานี จังหวัดละ 5 คน

ADVERTISMENT

12 จังหวัดข้างต้นที่มี สว. มากที่สุด รวมกันได้ 80 คน คิดเป็น 40% จาก 200 คนของสภาสูง

และ 13 จังหวัดที่ไม่มี สว. แม้แต่คนเดียว ได้แก่ กาฬสินธุ์, กำแพงเพชร, ตาก, นราธิวาส, เพชรบูรณ์, มหาสารคาม, แม่ฮ่องสอน, ร้อยเอ็ด, ลพบุรี, สกลนคร, สระแก้ว, อุตรดิตถ์ และอุดรธานี

ตรงนี้เป็นจุดอ่อนหรือไม่ ต้องไปคิดกัน และหาทางแก้ไข เพราะสะท้อนว่าระบบการเลือกแบบนี้ ไม่ได้คำนึงว่า ประชาชนในแต่ละจังหวัด ควรจะมีตัวแทนของตนเอง แทนที่จะไปกระจุกกันอยู่ใน 12 จังหวัด

13 จังหวัดที่ไม่มี สว.เลย ล้วนแต่ไม่ธรรมดา เป็น
จังหวัดใหญ่ หลายจังหวัดอย่าง นราธิวาส สระแก้ว ตาก แม่ฮ่องสอน เป็นพื้นที่ชายแดนที่มีความละเอียดอ่อนในการบริหารงาน

หรืออย่างอุดรธานี เป็นทั้งชายแดน และใหญ่ต้น ๆ ของอีสานและประเทศ ไม่มี สว.แม้แต่คนเดียว

เรื่องนี้พูดกันไปมา มิตรสหายคนหนึ่งตัดบทว่า เอาน่า ยังไงก็ดีกว่า สว.ชุดก่อนก็แล้วกัน

อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ “บทบาท” ของ สว.ชุดนี้ ถ้ามีจิตใจและจุดยืนจะทำงานเพื่อประชาชน ก็น่าจะทดแทนจุดอ่อนหลาย ๆ อย่างได้

อำนาจของ สว.ชุดนี้ หลัก ๆ มีดังนี้ (ปรับจากเว็บไซต์ iLaw)

1.พิจารณาและกลั่นกรองกฎหมายกับสภาผู้แทนราษฎร

ที่สำคัญมาก คือ อำนาจในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งกำหนดไว้ว่า การแก้ไขวาระที่หนึ่งและวาระที่สาม ต้องได้รับความเห็นชอบจากสมาชิกทั้งสองสภา ไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนทั้งหมด เท่าที่มีอยู่

เช่น ถ้ามี สส. ครบ 500 คน และ สว. ครบ 200 รวม 700 คน จะต้องได้เสียง สส. และ สว. รวมกัน 351 เสียงขึ้นไป

ในจำนวนดังกล่าว ต้องมีเสียง สว. ไม่น้อยกว่าหนึ่งในสามของ สว. ที่มีอยู่ หรืออย่างน้อย 67 คน จึงจะแก้ไขได้

อำนาจตามข้อนี้สำคัญมาก เพราะเป็นเรื่องของกฎกติกา ที่ สส.และ สว. จะร่วมกันกำหนดอนาคตการเมืองของประเทศ

2.อำนาจตรวจสอบฝ่ายบริหาร เช่น ตั้งกระทู้, เปิดอภิปรายทั่วไป โดยไม่มีการลงมติ

3.อำนาจให้ความเห็นชอบเพื่อแต่งตั้ง ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และกรรมการในองค์กรอิสระ ฯลฯ

สว.ชุดนี้ เริ่มต้นมาด้วยข่าวคราวไม่ค่อยดีนัก แต่ก็เป็นเรื่องของตัวบุคคล เช่น เรื่องปริญญา

จากนี้ไป น่าจะต้องเดินหน้าทำงาน เพื่ออนาคตของประเทศ และเพื่อคนทั้งประเทศ

ทุกหมู่เหล่า ทุกจังหวัด ทุกพื้นที่ ไม่มียกเว้น