
คอลัมน์ : สามัญสำนึก ผู้เขียน : สันติ จิรพรพนิต
ยังเป็นกระแสอยู่ประมาณหนึ่งกับการโชว์วิสัยทัศน์ของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โดยเฉพาะการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นความเชี่ยวชาญอยู่แล้ว ผลงานปรากฏชัดเจนเมื่อสมัยดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
หลากหลายโครงการยังอยู่ยงคงกระพันมาจนทุกวันนี้ ไม่ว่าจะเป็น 30 บาทรักษาทุกโรค หรือกองทุนหมู่บ้าน
ทั้ง 2 โครงการแม้มีเสียงค่อนแคะอยู่บ้างในช่วงแรก แต่ไม่ว่าจะผ่านมากี่รัฐบาล หรือแม้แต่รัฐบาลทหาร ก็ยังสานต่อรวมถึงต่อยอดนโยบายดังกล่าว
หรือแม้แต่โครงการหวย 2 ตัว 3 ตัว ที่ริเริ่มเพื่อปราบปรามหวยใต้ดิน ที่ถูกฝ่ายต้านนำมาถล่มเรื่องทำผิดระเบียบ การนำเงินมาใช้โดยไม่มีการตรวจสอบ ฯลฯ จนต้องยกเลิกไป
จนแม้รัฐบาลถัด ๆ มาอยากจะนำโมเดลนี้มาใช้บ้าง เพราะเห็นเม็ดเงินจำนวนมหาศาล ที่ดูดจากวงการหวยใต้ดินมาอยู่ในมือของรัฐ แต่ก็เหนียม ๆ เพราะถล่มไว้มาก จึงต้องปล่อยให้หวยใต้ดินเริงร่ากันต่อไป
กระทั่งล่าสุด สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ปรับรูปแบบสลากเป็น L6 และ N3
“N3” รูปแบบการเล่นคล้ายคลึงกับหวย 2 ตัว 3 ตัว ในอดีต
การเทกแอ็กชั่นของนายทักษิณ แม้ทางหนึ่งจักสร้างความเชื่อมั่นให้นักธุรกิจและประชาชน หลังจาก นายเศรษฐา ทวีสิน พ้นจากตำแหน่งนายกฯ จากคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ กรณีแต่งตั้งรัฐมนตรี
กระทั่ง สภาผู้แทนราษฎร เลือก “อิ๊งค์” น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ขึ้นมารับตำแหน่งแทน
แต่ด้วยชื่อชั้นและบารมี ทำให้มีคำถามตัวโต ๆ ว่า จะไหวหรือไม่ กับตำแหน่งผู้นำประเทศ
นายทักษิณ ในฐานะบิดา การออกมาช่วยแบ่งเบาภาระให้ลูกสาว เป็นเรื่องที่เข้าใจได้
แต่อีกทางหนึ่งควรระมัดระวังการแสดงออก เพราะมีคนจ้องนำเรื่องไปฟ้องร้องกรณี “ครอบงำ”
ไม่มีใครคาดเดาผลลัพธ์ หากเรื่องขึ้นไปถึงศาลแล้วจะเป็นอย่างไร เพราะออกได้ทั้งซ้ายและขวา แล้วแต่ดุลยพินิจของตุลาการแต่ละท่าน
ขณะเดียวกัน น.ส.แพทองธาร จำเป็นต้องเร่งเครื่องแสดงออกมากขึ้นว่า แนวคิดของนายทักษิณ เป็นเพียงคำแนะนำ หรือแนะแนว เท่านั้น
แต่การตัดสินใจในขั้นสุดท้าย คือ ตัวเธอเอง
ที่สำคัญ คือการประคองตัว ประคองภาพลักษณ์ เพราะมีตัวอย่างจาก “อาปู” น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่เคยโดนมาแล้ว
ทั้งเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างพูดผิดบ้าง อะไรบ้าง ฝ่ายตรงข้ามพร้อมนำมาขยายผล
หรือแม้แต่บางเรื่องไม่ได้ทำ หรือไม่ได้พูดด้วยซ้ำ แต่เมื่อฝ่ายตรงข้ามนำมากล่าวหาบ่อย ๆ แซวบ่อย ๆ จนคนจำนวนหนึ่งที่มีความอคติในหัวใจ ปักใจเชื่อว่าเป็นเรื่องจริง
อย่างกรณี น.ส.ยิ่งลักษณ์ หลุดจากตำแหน่งนายกฯ ยังมีการกล่าวหาว่า สาเหตุมาจากการทุจริตจำนำข้าว หรือโครงการ 2 ล้านล้าน
ทั้งที่ชนวนเหตุมาจากการโยกย้าย นายถวิล เปลี่ยนศรี อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ให้ไปดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี
นายถวิล ฟ้องร้องตามมาตรา 157 สุดท้าย ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ มีความผิดตามฟ้อง ต้องพ้นจากตำแหน่ง
จากนั้น ป.ป.ช. รับลูกต่อชี้มูลความผิดปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ส่งอัยการสูงสุดสั่งฟ้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
กระทั่งช่วงปลายปี 2566 ที่ผ่านมา ศาลสั่งยกฟ้อง
จนกล่าวกันว่า ตำแหน่งนายกฯไทย ช่างอ่อนไหวจริง ๆ เพราะแค่โยกย้ายข้าราชการเพียงตำแหน่งเดียว ก็สามารถหลุดจากเก้าอี้ได้
บทเรียนจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ และนายเศรษฐา ที่ต้องพ้นจากตำแหน่งด้วยกรณีที่เหลือเชื่อสุด ๆ
เป็นเรื่องที่ น.ส.แพทองธาร ต้องพึงระมัดระวัง หรือไม่ก็ต้องหาทางแก้ในระยะยาว ซึ่งไม่ใช่เรื่องเฉพาะตนเองเท่านั้น แต่เพื่อคนอื่นในอนาคต
ด้วยการป้องกันกลุ่มบุคคลไม่ให้มีอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ถึงขนาดชี้เป็นชี้ตายคนอื่นได้
ส่วนจะแก้อย่างไรน่าจะมีทางออกอยู่บ้าง แต่จะทำได้หรือไม่ ทำได้แค่ไหน
เป็นเรื่องที่ต้องรอคำตอบต่อไป