คอลัมน์ : สามัญสำนึก ผู้เขียน : เมตตา ทับทิม
เกาะขอบเวทีสัมมนาแห่งปี “Thailand 2025 โอกาส ความหวัง ความจริง” จัดโดยประชาชาติธุรกิจ
ได้มีโอกาสต้อนรับนักธุรกิจระดับประเทศ “อุทัย อุทัยแสงสุข” กรรมการผู้จัดการใหญ่ค่ายแสนสิริ กับ “ปิติ ตันฑเกษม” ซีอีโอ ทีเอ็มบีธนชาต หรือ ttb มีเวลาช่วงสั้น ๆ 5-6 นาที สนทนาหัวข้อลึกแต่ไม่ลับ คนหนึ่งมาจากวงการที่อยู่อาศัย ที่ปวดหัวอยู่กับปัญหากู้ไม่ผ่าน อีกคนเป็นนายแบงก์ที่มีผลงานโดดเด่น
ย้อนประวัติคุณปิติกันอีกสักนิด ครอบครัวตันฑเกษมมีผู้บริหารระดับตำนานในวงการอสังหาริมทรัพย์ก็ว่าได้ โดยมีคุณแม่ “วรรณา ตันฑเกษม” เป็นอดีตนายกสมาคมอาคารชุดไทย และเป็นเจ้าของโครงการดัง คอนโดมิเนียมแบรนด์สลิลธารา บนทำเลย่านพระราม 3
คำถามหยอกกันเบา ๆ ก็เลยเริ่มต้นว่า เทรนด์ตลาดอสังหาฯเป็นยังไง คำตอบคือ…โอเวอร์ซัพพลายครับ
ฟังแล้วแสนสิริคงอยู่เฉยไม่ได้ ก็เลยอธิบายว่า ธุรกิจที่อยู่อาศัยแท้จริงแล้วไม่ได้โอเวอร์ซัพพลาย เพราะมีดีมานด์ซื้ออยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะตลาดแมส คนวัยเริ่มต้นทำงาน กำลังซื้อระดับ Affordable ผู้ซื้อบ้านหลังแรก มีความต้องการซื้อท่วมท้น ซื้อได้แต่โอนไม่ได้เพราะกู้ไม่ผ่าน
พอพูดเรื่องปัญหาแบงก์ปฏิเสธสินเชื่อ มากกว่าอนุมัติสินเชื่อ ปัญหาก็วนลูปกลับมาหาประเด็นหนี้ครัวเรือนระดับสูง “ปิติ” ฟันธงว่า ตลอดเวลา 10 กว่าปีที่ผ่านมา หนี้ครัวเรือนโตมาตลอด เพราะฉะนั้น อยากให้รัฐบาลเสกให้หายวับก็ไม่มีทางทำได้ ดีที่สุดคือมีแต่ค่อย ๆ ปรับ
คำฟันธงก็คือ ปัญหายอดปฏิเสธสินเชื่อ ปัญหาหนี้ครัวเรือน รากเหง้าจริง ๆ ไม่ใช่ปัญหาหนี้ แต่เป็นปัญหารายได้คนไทย เพราะรายได้โตช้า แต่รายจ่ายโตเร็ว
“และค่าใช้จ่ายโตเร็วที่สุดคือความอยากมี อยากได้ อยากเป็น ที่โตไปกับการนั่งดูโซเชียล ของมันอยากได้ กู้ง่าย เทียบกับการใช้ชีวิตยุคเรา (Gen สว.-สูงวัย) ง่าย ๆ นะ ไม่ต้องมีอะไรมากมาย แต่คนเดี๋ยวนี้ (คนรุ่นใหม่) …เยอะ”
เปลี่ยนโหมดมาคุยเรื่องเบา ๆ โดนัลด์ ทรัมป์ แบตแมนรีเทิร์นชนะเลือกตั้งนั่งประธานาธิบดีสหรัฐรอบ 2 ผลกระทบกับไทย มีอะไรบ้างน้า
“ปิติ” ยอมรับว่าพูดยาก ประเมินไม่เป๊ะ ต้องดูผลกระทบทางอ้อมหรือผลกระทบชิ่ง
ถ้ามองผลกระทบทางตรง ว่าที่ ปธน.ทรัมป์ประกาศเช็กบิลประเทศที่เกินดุลค้าขายสหรัฐ ไทยบังเอิญติดร่างแหอยู่อันดับ 12 เกินดุลการค้า 4 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ “ปิติ” หยิบ 2 รายการสินค้าแรกที่เกินดุลเขาอยู่
เรื่องแรก แผงโซลาร์หรือแผงพลังงานแสงอาทิตย์ ส่งออกจากไทยไปสหรัฐเยอะ คำถามคือใครผลิตจ๊ะ คำตอบคือนักลงทุนจีน ผลิตที่เมืองไทย ฉะนั้น เถ้าแก่แผงโซลาร์อยู่เมืองไทยเยอะ ผลิตไม่ได้อาจจะกลับบ้าน แสนสิริอาจจะขายบ้านเถ้าแก่ได้น้อยลง ต้องมองผลกระทบชิ่ง
เรื่องที่สอง ไทยส่งออกเยอะคือยางรถยนต์ คราวนี้หนังคนละม้วนเลยเพราะไม่ได้กระทบเถ้าแก่ แต่กระทบชาวสวนยางจะทำยังไง สหรัฐมองเมืองไทยเกินดุลไปเยอะ ไม่ได้แค่ยางจีนอย่างเดียว แบรนด์ดีสโตน โอตานิ ผู้ผลิตคนไทยโดนร่างแหไปด้วย งานนี้เปรียบเสมือน “…เขา (สหรัฐ) เอาหินเขวี้ยงหัวจีน โดนหัวคนไทยด้วย”
ในอาเซียน ประเทศที่เกินดุลสหรัฐเยอะกว่าไทย คือ เวียดนาม ถ้าจำไม่ผิดอยู่อันดับ 5 เกินดุล 1 แสนเหรียญสหรัฐ (ไทยอันดับ 12) แต่บางคนก็แย้งว่าเวียดนามเป็นลูกรัก เป็นประเทศเดียวที่ได้เอกสิทธิ์ทำ FTA กับลุงแซม มุมมองนายแบงก์ ttb บอกสั้น ๆ ว่า …ก็รอดู
ไหน ๆ ก็ไหน ๆ ขออนุญาตถามเซ้าซี้ว่า คนผ่อนบ้านฝากความหวังกับการลดดอกเบี้ยอีก จะเกิดขึ้นได้รึเปล่า
“ต่อให้ลดดอกเบี้ยเหลือ 0% ให้เจ๊งไปทั้งระบบเลยนะ ถามว่าเอสเอ็มอี ดอกเบี้ยหายไป 2% เหมือนเอายาหม่องผสมเทให้หมดขวดไปเลย ผสมอาบน้ำ หายไหม มันไม่หาย เอะอะอะไรก็มองหา มีแม่มดหรือแพะตัวหนึ่งชื่อแบงก์ ลดดอกเบี้ยไป พวกเอ็งเลย (หัวเราะ)”
ยังไม่เข็ด เถียงนายแบงก์ไปข้าง ๆ คู ๆ ว่า ประเด็นลดดอกเบี้ย คนผ่อนสินเชื่อก็อยากลดภาระค่างวด คำอธิบายมีว่า หนี้ครัวเรือนตัวหลักคือหนี้รถกับหนี้บ้าน ถามว่ามอเตอร์ไซค์กู้มีดอกเบี้ย 24% ลดดอกเบี้ย 2% เหลือ 22% …ถามว่ารอดไหม
ถ้าอย่างนั้นมีข้อแนะนำผู้บริโภคอสังหาริมทรัพย์อย่างไร
“ถ้าซื้อเก็งกำไรไม่ควรซื้อ แต่ถ้าเกิดมีความสามารถที่จะผ่อนได้ และไม่เป็นภาระ เราก็ได้ดีลที่ดีแหละ อสังหาฯแข่งกันเยอะ ดอกเบี้ยบ้านก็ต่ำมาก”
นึกขึ้นได้ว่าคุณแม่ทำอสังหาฯ ให้ข้อแนะนำคุณแม่อะไรไปบ้าง
“บอกแม่อยู่เฉย ๆ ทำงานการกุศลไป ช่วยกาชาดน่ะดีแล้ว อยู่เฉย ๆ ไปเรื่อย ๆ คนที่มีที่อยู่อาศัยแล้ว ยังผ่อนอยู่ ประคองเอาตัวรอดไปก่อน ฟองสบู่ไม่แตก แต่จะค่อย ๆ ฟีบ ถ้าเราสู้จีนไม่ได้ เราจะค่อย ๆ ฟีบไปทีละชิ้น-สองชิ้น เราจะเห็นข่าวปิดโรงงาน มันไม่ใช่เศรษฐกิจฟองสบู่แตกแบบตอนต้มยำกุ้ง”
อีกสักคำถาม ว่าที่ ปธน.ทรัมป์ประกาศ อเมริกาจะเป็นเมืองหลวงคริปโต (มีคนลุ้นนอกจากบิตคอยน์ จะมีทรัมป์คอยน์ป่ะ)
“ผมไม่ซื้อเลยคริปโต เป็นเรื่องของการฟอกเงิน คุณรู้ไหม 94% ของบัญชีม้าไปออกที่คริปโตหมด ถ้าไม่คอนโทรลคริปโต คนไทยจะถูกหลอกและเอาเงินกลับไป ผมบ๊ายบาย ผมมองว่าคริปโตเป็นเครื่องมือโจร”