Rain Bomb ที่ภาคใต้ ?

คอลัมน์ : สามัญสำนึก
ผู้เขียน : ถวัลย์ศักดิ์ สมรรคะบุตร

กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ได้รายงานอุทกภัยในพื้นที่ 11 จังหวัดภาคใต้ (ชุมพร-ระนอง-สุราษฎร์ธานี-นครศรีธรรมราช-พัทลุง-ตรัง-สตูล-สงขลา-ปัตตานี-ยะลา-นราธิวาส) ระหว่างวันที่ 22 พฤศจิกายน-18 ธันวาคม ล่าสุดปรากฏ เกิดน้ำท่วมใน 5,752 หมู่บ้าน 780 ตำบล 118 อำเภอ มีประชาชนได้รับผลกระทบ 777,109 ครัวเรือน และมีผู้เสียชีวิตรวม 44 ราย

โดยเหตุเสียชีวิตนอกจากอุทกภัยแล้วยังเกิดจากดินสไลด์อีก 3 รายด้วย เฉพาะสถานการณ์ปัจจุบันที่เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ 6 จังหวัดของภาคใต้ตอนบนและตอนกลาง (ชุมพร-ระนอง-สุราษฎร์ธานี-นครศรีธรรมราช-ตรัง) ใน 2,743 หมู่บ้าน 346 ตำบล และ 56 อำเภอ มีประชาชนได้รับผลกระทบรวม 182,203 ครัวเรือน

เฉพาะที่ จังหวัดชุมพร วันที่ 14 ธ.ค. เกิดน้ำท่วมใน อ.ปะทิว อ.เมือง อ.สวี อ.ทุ่งตะโก อ.หลังสวน อ.ละแม อ.พะโต๊ะ และ อ.ท่าแซะ ประชาชนได้รับผลกระทบ 12,277 ครัวเรือน สถานการณ์ปัจจุบันน้ำในคลองหลังสวน ระดับน้ำได้ลดลงแล้ว จ.ระนอง วันที่ 14 ธ.ค. เกิดฝนตกหนักน้ำไหลหลากเข้าท่วมและมีดินสไลด์ อ.กระบุรี อ.ละอุ่น และ อ.เมือง ประชาชนได้รับผลกระทบ 1,070 ครัวเรือน

ปัจจุบันน้ำในคลองญวน ระดับน้ำลดลงแล้ว จ.สุราษฎร์ธานี ในวันที่ 13 ธ.ค. ได้เกิดฝนตกหนัก น้ำไหลหลากเข้าท่วม อ.ท่าชนะ อ.ไชยา อ.ท่าฉาง อ.เมือง อ.กาญจนดิษฐ์ อ.ดอกสัก อ.บ้านนาสาร อ.เกาะพะงัน อ.เกาะสมุย อ.วิภาวดี อ.เคียนซา อ.เวียงสระ อ.บ้านนาเดิม อ.พุนพิน อ.คีรีรัฐนิคม อ.พระแสง และ อ.พนม ประชาชนได้รับผลกระทบ 33,422 ครัวเรือน มีผู้เสียชีวิต 6 ราย ปัจจุบันแม่น้ำตาปีระดับน้ำลดลงแล้ว

จังหวัดนครศรีธรรมราช ตั้งแต่วันที่ 22 พ.ย. เกิดน้ำท่วมถึง 23 อำเภอ ได้แก่ อ.ขนอม อ.สิชล อ.นบพิตำ อ.ท่าศาลา อ.พิปูน อ.พรหมคีรี อ.ฉวาง อ.เมือง อ.ลานสกา อ.ช้างกลาง อ.พระพรหม อ.ปากพนัง อ.นาบอน อ.ร่อนพิบูลย์ อ.เฉลิมพระเกียรติ อ.ทุ่งสง อ.เชียรใหญ่ อ.จุฬาภรณ์ อ.หัวไทร อ.บางขัน อ.ชะอวด อ.ทุ่งใหญ่ และ อ.ถ้ำพรรณา หรือเกิดน้ำท่วมน้ำหลากทั้งอำเภอกลางน้ำและปลายน้ำที่จะออกทะเลอ่าวไทย

ประชาชนได้รับผลกระทบถึง 117,238 ครัวเรือน โดยจังหวัดได้ประกาศเขตพื้นที่การให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินทันทีถึง 13 อำเภอ (นาบอน-เชียรใหญ่-ทุ่งสง-อ.เมือง-จุฬาภรณ์-สิชล-ชะอวด-เฉลิมพระเกียรติ-พระพรหม-ร่อนพิบูลย์-พรหมคีรี-บางขัน-พิปูน) ปัจจุบันน้ำในคลองท่าดีระดับน้ำลดลงแล้ว นับเป็นจังหวัดที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมครั้งนี้มากที่สุด

ADVERTISMENT

จังหวัดตรัง วันที่ 13 ธ.ค. เกิดน้ำท่วมที่ อ.รัษฎา ประชาชนได้รับผลกระทบ 22 ครัวเรือน ปัจจุบันแม่น้ำตรังระดับน้ำลดลง และจังหวัดพัทลุง วันที่ 14 ธ.ค. เกิดน้ำท่วมใน อ.ควนขนุน อ.ป่าพะยอม อ.เมือง และ อ.เขาชัยสน ประชาชนได้รับผลกระทบ 18,174 ครัวเรือน ปัจจุบัน คลองนาท่อม ระดับน้ำลดลงแล้ว โดยความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยของรัฐบาลตามมติ ครม.เบื้องต้นได้จ่ายเงินช่วยเหลือครัวเรือนละ 9,000 บาท

สำหรับสาเหตุของการเกิดอุทกภัยครั้งใหญ่ในภาคใต้ต่อเนื่องกันมาตั้งแต่น้ำท่วมใหญ่ใน 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ (สงขลา-ยะลา-ปัตตานี-นราธิวาส) ช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ปรากฏได้เกิดสถานการณ์คล้ายกันกับที่เกิดน้ำท่วมในจังหวัดชุมพร-ระนอง-นครศรีธรรมราช และสุราษฎร์ธานี

ADVERTISMENT

กล่าวคือ เกิดฝนตกหนักในระดับที่หนักมาก หรือ Very Heavy Rain เฉพาะ 7 วันที่ 4 จว.ชายแดนใต้ วัดปริมาณน้ำฝนสะสมได้ถึง 1,138 มิลลิเมตร ที่ปัตตานีวัดได้ 380 มิลลิเมตร และที่ จ.นราธิวาส 400 มิลลิเมตร ส่งผลให้แม่น้ำสายหลัก 4 สาย ได้แก่ แม่น้ำปัตตานี-สายบุรี-โกลก-ตันหยงมัส น้ำล้นเข้าท่วมตัวเมืองและพื้นที่ลุ่มต่ำ

มาที่บริเวณจังหวัดภาคใต้ตอนบนที่กำลังเกิดอุทกภัยอยู่ขณะนี้ก็เช่นกัน ศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคใต้ ได้รายงานปริมาณฝนสะสมระหว่างวันที่ 9 ธ.ค.-14 ธ.ค. สูงสุดวัดได้ 546.40 มิลลิเมตร บางพื้นที่ในจังหวัดนครศรีธรรมราชวัดได้สูงสุด 400 มิลลิเมตร ระนอง 300 มิลลิเมตร และชุมพร 400 มิลลิเมตร

ส่วนปริมาณฝนสะสมระหว่างวันที่ 11-15 ธ.ค. สูงสุดอยู่ที่ 695.50 มิลลิเมตร เฉพาะที่จังหวัดระนองวัดได้ถึง 300 มิลลิเมตร จังหวัดที่เหลืออยู่ระหว่าง 400 มิลลิเมตร จนกลายเป็นที่มาของคำว่า “Rain Bomb” หรือ ฝนตกหนักฮวบเดียวที่ “เกินกว่า” ฝนตกหนักตามปกติ บนความพยายามที่จะนำมาอธิบายสาเหตุของการเกิดน้ำท่วมใหญ่ในภาคใต้ขณะนี้