ปีแห่งความไม่แน่นอน

export
คอลัมน์​ : สามัญสำนึก
ผู้เขียน : วิมล ตัน

เปิดศักราชใหม่ ปีงู 2568 สถานการณ์เศรษฐกิจเริ่มฉายแววสารพัดปัญหารุมเร้า

จนทำให้คิดว่า ปีนี้น่าจะเป็นปีแห่งความไม่แน่นอน

เริ่มจากเหตุการณ์ประชุมทูตพาณิชย์ไทยทั่วโลก 58 แห่ง ในช่วงเดือนธันวาคม 2567 เพื่อสรุปผลงานปี 2567 พร้อมประเมินเป้าหมายปี 2568

ได้ข้อสรุป คือ ลดเป้าหมายส่งออก

จากปี 2567 ทำได้ดีเกินคาด น่าจะแตะระดับเติบโต 5% แต่ปี 2568 ลดเป้าเหลือ 2-3%

สาเหตุหลักเนื่องจากการมาของทรัมป์ 2.0 ซึ่ง นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เตรียมเดินทางไปเจรจากับสหรัฐอเมริกาในเดือนกุมภาพันธ์นี้ คาดหมายว่า น่าจะมี “แพ็กเกจ” สำหรับต่อรองเรื่องการส่งออกนำเข้า เช่น อาจยอมเปิดทางนำเข้าหมู หรือเนื้อวัว หรือสินค้าเกษตรบางรายการ เช่น ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ จากที่สหรัฐร้องขอมาหลายปี

ADVERTISMENT

นอกจากนี้ การเปลี่ยนแปลงประธานาธิบดีสหรัฐ ในฐานะพี่ใหญ่ของโลก มีผลต่อการค้าการลงทุนของเกือบทุกประเทศทั่วโลก ทำให้เชื่อว่า ตลาดโลกจะเต็มไปด้วยมาตรการกีดกันทางการค้า การขึ้นกำแพงภาษี เลยเถิดไปถึงการหาข้อได้เปรียบจากเครื่องมือต่าง ๆ ที่สามารถนำมาใช้เป็นอาวุธทางการค้า เช่น การใช้นโยบายอัตราแลกเปลี่ยนแบบอ่อนค่า เพื่อชดเชยการถูกตั้งกำแพงภาษี อย่างที่รัฐบาลจีนเริ่มทยอยดำเนินนโยบายหยวนอ่อนค่ามาตั้งแต่ปลายปี 2567 แล้ว

ยังไม่รวมถึงผลพวงที่กระทบต่อตลาดเงิน ตลาดหุ้นที่ผันผวน เป็นขาลงมาตั้งแต่เปิดปี ราคาทองคำที่พลิกผันเป็นขาลง เพียงเพราะทรัมป์ให้ความสำคัญกับเงินดิจิทัล คริปโต ส่งผลให้บิตคอยน์ราคาพุ่งไม่หยุด ทองคำถูกลดความสำคัญ หันมาสะสมบิตคอยน์แทน

ADVERTISMENT

ที่น่าห่วงที่สุดและเกิดขึ้นให้เห็นแล้ว คือ การกีดกันทางการค้าในส่วนของสินค้าเกษตรของไทย ที่เริ่มปีงู ก็โดนสกัดแล้ว 2 รายการ

รายการแรก คือ น้ำเชื่อมและ/น้ำตาลผสม ซึ่งโรงงานผู้ผลิตไทยจำนวน 74 ราย ที่ถูกร้องเรียนว่า ไม่ปลอดภัย ถูกหน่วยงานความปลอดภัยด้านอาหารส่งออก-นำเข้าของจีน หรือ The Food Safety Bureau of The General Administration of Customs of The People’s Republic of China : GACC สั่งระงับการนำเข้า ทำให้เรือขนส่งน้ำเชื่อมดังกล่าวมูลค่ากว่า 400 ล้านบาท ลอยเท้งเต้งกลางทะเล เข้าเทียบท่าประเทศจีนไม่ได้ เนื่องจากกระแสข่าวว่า ราคาน้ำตาลภายในประเทศจีนตกต่ำ

จนถึงขณะนี้ยังไร้วี่แววว่าไทยจะสามารถแก้สถานการณ์ขอผ่อนปรนนำเข้าสินค้าน้ำเชื่อมได้หรือไม่

ความวัวไม่ทันหาย ความควายก็มาแทรก เมื่อ GACC แจ้งพบปัญหาการใช้สารย้อมสี “Basic Yellow 2” ในทุเรียนที่ส่งออกเข้าจีน ซึ่งองค์การอนามัยโลก (WHO) จัดเป็นสารก่อมะเร็งกลุ่ม 2B จึงกำหนดให้ทุเรียนทุกลอตของไทยที่จะส่งออกจีน ต้องแนบผลวิเคราะห์ Test Report ทั้ง Basic Yellow 2 และแคดเมียมไปทุกลอต หากสุ่มตรวจพบสารดังกล่าวจะระงับทันที มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 10 มกราคม 2568 เป็นต้นไป

สารย้อมสีดังกล่าว อธิบายเข้าใจง่าย ๆ ก็คือ สารดังกล่าวอยู่ในน้ำยาสำหรับชุบลูกทุเรียน จากก่อนหน้าสีเหลือง เปลี่ยนมาเป็นสีเขียว สาเหตุที่ชุบเพราะผู้ซื้อชาวจีนอยากให้เปลือกสีสวย เป็นที่ต้องการของตลาด ซึ่งเดิมใช้สีผสมอาหารหรือขมิ้น แต่ต่อมาเปลี่ยนเป็นสาร Basic Yellow 2 ซึ่งก็คือ สารตัวเดียวกันกับที่อยู่ในสีย้อมผ้า นัยว่าเป็นการทำเพื่อตามใจลูกค้าของล้งทุเรียน โดยที่ไม่รู้ว่าเป็นสารอันตราย

นอกจากส่งออกทุเรียนมูลค่าแสนล้านบาทของไทย ยังรวมถึงลำไย อีกหนึ่งสินค้ายอดนิยมของชาวจีน ก็เผชิญอุปสรรคการส่งออกด้วย โดยก่อนหน้าจีนเข้มงวดการปนเปื้อน โดยเฉพาะสารโลหะหนักแคดเมียม สารซัลเฟอร์ไดออกไซด์ตกค้างเกินมาตรฐาน รวมถึงสารเคมี ยาฆ่าแมลงอีกจิปาถะ ซึ่งเชื่อว่าส่งออกสินค้าเกษตรปีนี้จะมีเรื่องให้ต้องแก้อีกมากมาย

เป็นปัญหาที่ผู้ผลิตและผู้ส่งออกไทยต้องเตรียมรับมือ และทำใจได้เลยว่า

ในสมรภูมิรบ ไม่มีมิตรแท้และศัตรูถาวร