คิดให้ดีเรื่องยืดหยุ่นเวลามาสาย

คอลัมน์ : SD TALK
ผู้เขียน : ธำรงศักดิ์ คงคาสวัสดิ์
https://tamrongsakk.blogspot.com

ก่อนหน้านี้ ผมเคยเล่าให้ฟังเรื่องลูกน้องมาสายทำไงดีไปแล้ว เลยอดคิดไปถึงอดีตที่ผมเคยไปทำงานเป็นผู้บริหารงาน HR ที่บริษัทแห่งหนึ่ง (เพิ่งเข้าไปทำงานประมาณ 1 เดือน) เขามีข้อบังคับเกี่ยวกับเวลามาทำงานที่เขียนไว้นานหลายปีแล้วว่า เวลาทำงานปกติ คือ 08.30-17.30 น. แล้วมีเงื่อนไขข้างใต้เวลานี้เอาไว้ว่าให้เป็นดุลพินิจของผู้บังคับบัญชาที่จะอนุญาตให้ผู้ใต้บังคับบัญชาเข้าทำงานไม่เกิน 08.45 น.

การเขียนกฎเกณฑ์กติกาแบบนี้แหละครับ ทำให้เกิดปัญหาขึ้นมา ซึ่งผมไม่รู้นะครับว่าคนเขียนข้อบังคับในเรื่องนี้ได้คิดถึงผลที่จะเกิดขึ้นในเวลาต่อมาหรือเปล่า เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นมาโดยตลอด ก่อนที่ผมจะเข้ามาทำงานที่บริษัทแห่งนี้ คือ

1.พนักงานรับรู้และเข้าใจต่อ ๆ กันมาว่า เวลาเริ่มงานคือ 08.45 น.

2.หัวหน้าที่เข้มงวดกับเรื่องเวลามาทำงานจะเรียกลูกน้องที่มาเข้างานเกิน 08.30 น. มาตักเตือนทั้งเป็นวาจา หรือลายลักษณ์อักษร ว่ามาทำงานสาย

3.วันไหนหัวหน้าที่เข้มงวดอารมณ์ดีอาจยืดหยุ่นเวลามาทำงานให้เป็น 08.45 น. แต่ถ้าอารมณ์ไม่ดีก็ยึดเวลา 08.30 น. เพราะตามระเบียบบอกไว้ว่า “ให้เป็นดุลพินิจของผู้บังคับบัญชา”

4.หัวหน้าที่เป็นตุ๊กตาหมีใจดีกับน้อง ๆ ก็จะอะลุ่มอล่วย โดยถือว่าเวลาทำงานปกติ คือ 08.45 น.

Advertisment

5.พนักงานเกิดการเปรียบเทียบกันระหว่างหน่วยงาน และเกิดความคับข้องใจว่าทำไมหน่วยงานนี้เข้าทำงานได้ไม่เกิน 08.45 น. แต่ทำไมหน่วยงานเราถึงต้องเข้าทำงาน 08.30 น. อยู่บริษัทเดียวกัน ลักษณะงานคล้ายกัน ทำไมถึงมีสองมาตรฐานล่ะ

พอผมเข้ามาเป็นผู้บริหารงาน HR ในบริษัทแห่งนี้ ก็มีพนักงานมาระบายความรู้สึกและถามผมว่า ความเห็นของ HR ว่าไงในเรื่องนี้ ?

Advertisment

ผมจึงต้องขอเวลาพบ MD แล้วเล่าเรื่องเหล่านี้ให้ฟัง พร้อมทั้งบอก MD ว่า พี่คงต้องเลือกเอาแหละว่าต้องการให้พนักงานมาเข้างานกี่โมง 08.30 หรือ 08.45 น. ก็ได้ ผมไม่มีปัญหา แต่ขอเป็นเวลาเดียว ไม่ควรยืดหยุ่นเวลาให้มันเกิดปัญหาแบบนี้

การทำงานเกี่ยวกับคนในเรื่องที่เป็น Common Factor แบบนี้ ควรยึดหลักเกณฑ์มากกว่าหลักกู (หรือหลักดุลพินิจ) เพราะคนจะคิดเรื่องของ Me too (กูด้วย) อยู่เสมอ แถมดุลพินิจของคนแต่ละคนก็แตกต่างกัน เผลอ ๆ ดุลพินิจของคนเดียวกันยังต่างกันได้ตามอารมณ์และสถานการณ์เลยครับ

เรื่องที่เป็นความสงบเรียบร้อยที่ควรจะต้องปฏิบัติเป็นอย่างเดียวกันในองค์กร เช่น เวลามาทำงาน จึงควรจะมีหลักปฏิบัติแบบเดียวกัน เพื่อลดปัญหาหลักกูและ Me too เว้นแต่ถ้าลักษณะงานของหน่วยงานไหนไม่สนใจเรื่องการลงเวลามาทำงาน เช่น พนักงานขายที่บริษัทสนใจเฉพาะเรื่องยอดขายเป็นหลัก และขายให้ได้ตามเป้าที่กำหนด ก็ไม่ต้องลงเวลามาทำงานทั้งเข้า และออก เพื่อให้เกิดความสะดวกในการออกไปหาลูกค้า

ถ้าเป็นอย่างนี้ก็ไม่มีปัญหาครับ ถ้าใครไม่อยากจะลงเวลามาทำงานก็ขอย้ายมาเป็นพนักงานขาย และต้องขายให้ได้ตามเป้าตามยอดที่กำหนดด้วยนะครับ บริษัทมีค่าคอมมิชชั่นให้อีกต่างหาก แต่ถ้าพนักงานขายไม่อยากขายแล้ว อยากจะมาทำงาน Back Office ก็ต้องกลับมาลงเวลามาทำงานเหมือนพนักงานคนอื่น ๆ เช่นเดียวกัน

สรุปเรื่องนี้ MD แกสั่งให้กลับมาเริ่มงาน 08.30 น. เหมือนเดิม ปัญหาหลักกู และ Me too ก็หมดไป เคสที่เล่าสู่กันฟังมานี้ คงเป็นอุทาหรณ์ และข้อคิดเตือนใจที่ดีสำหรับ HR ทุกท่าน สำหรับการออกกฎเกณฑ์กติกาที่จะใช้กับผู้คนในองค์กรต่อไปนะครับ