
คอลัมน์ : SD Talk ผู้เขียน : ธำรงศักดิ์ คงคาสวัสดิ์ https://tamrongsakk.blogspot.com
นาย A นาย B และนาย C เป็นเพื่อนเรียนวิศวะมาด้วยกัน เมื่อจบการศึกษาต่างเข้าทำงานเป็นวิศวกรคนละบริษัท เมื่อมีงานเลี้ยงรุ่นก็หนีไม่พ้นเรื่องการคุยกันเรื่องเงินเดือนว่าใครได้เงินเดือนเท่าไหร่ ?
นาย A เงินเดือน 22,000 บาท นาย B เงินเดือน 24,000 บาท นาย C เงินเดือน 26,000 บาท
ถ้านาย A คิดแบบผิวเผินจะรู้สึกว่าตัวเองได้เงินเดือนน้อยกว่าเพื่อน และอาจจะรู้สึกว่าบริษัทที่ทำอยู่เอาเปรียบเรา กดเงินเดือนต่ำกว่าบริษัทที่เพื่อนทำอยู่ และรู้สึกไม่ดีกับบริษัท และฝ่ายบริหารของบริษัท ถ้ายังเป็นอย่างงี้ต่อไปคงต้องร้องเพลงอย่างงี้ต้องลาออก
แต่ถ้าทั้ง 3 คนไม่ได้คุยเรื่องเงินเดือนแล้วคุยกันแต่เรื่องโบนัสล่ะ
บริษัทของนาย A จ่ายโบนัสเฉลี่ยปีละ 3.5 เดือน บริษัทของนาย B จ่ายโบนัสเฉลี่ยปีละ 3.0 เดือน และบริษัทของนาย C จ่ายโบนัสเฉลี่ยปีละ 2.5 เดือน
ถ้าคิดแบบผิวเผินทั้งนาย B และนาย C ก็ต้องอิจฉานาย A ว่าได้โบนัสมากกว่าตัวเอง
นาย B และนาย C อาจจะอยากไปทำงานกับบริษัทของนาย A เพราะเห็นว่าได้โบนัสเยอะดีกว่า แต่ถ้าทั้ง 3 คุยกันเฉพาะเรื่องเงินเดือนกับโบนัสเท่านั้น นาย A จะยังรู้สึกว่าตัวเองยังมีรายได้รวมน้อยกว่านาย B และนาย C จริงไหมครับ
แต่ต้องไม่ลืมว่าเมื่อเราพูดถึง Pay Mix หรือองค์ประกอบค่าตอบแทนจะต้องดู Total Pay ทั้งหมด เพราะ Pay Mix ประกอบด้วยหลายปัจจัยดังนี้
1.เงินเดือนมูลฐาน (Basic Salary)
2.โบนัส
3.สารพัดค่า (ที่ไม่ใช่ข้อ 1 และ 2) เช่น ค่าครองชีพ, ค่าวิชาชีพ, ค่าเบี้ยขยัน, ค่ากะ, ค่าโอที, ค่าอาหาร, ค่าภาษา, ค่าตำแหน่ง, ค่ารถ, ค่ารักษาพยาบาล ฯลฯ
เรื่องนี้จึงทำให้เห็นสัจธรรมอยู่ 2 เรื่องคือ
1.เงินเดือนของเราได้เท่าไหร่ ไม่สำคัญเท่ากับเพื่อนได้เท่าไหร่ และ 2.คนมักจะนำสิ่งที่ตัวเองไม่มี ไปเทียบกับสิ่งที่คนอื่นมี แต่จะไม่เอาสิ่งที่เรามีไปเทียบกับสิ่งที่คนอื่นเขาไม่มี ถ้านาย A มองแต่ตัวเงินเดือนเป็นหลัก อาจจะรู้สึกน้อยอกน้อยใจบริษัทที่จ่ายให้น้อยกว่าเพื่อน
หรือแม้แต่นาย A มองตัวเงินเดือน + โบนัสก็ยังไม่รู้สึกดีขึ้น เพราะนาย A กำลังนำสิ่งที่ตัวเองไม่มีคือเงินเดือนได้น้อยกว่าเพื่อน ไปเทียบกับเงินเดือนของเพื่อนที่ได้มากกว่า แต่มักจะไม่นำสิ่งที่ตัวเองมีไปเทียบกับสิ่งที่เพื่อนไม่มี
นั่นคือถ้าบริษัทของนาย A จ่ายค่าเบี้ยขยัน, ค่าครองชีพ, ค่าวิชาชีพ, ค่ากะ, ค่าอาหาร, ค่ารักษาพยาบาล ฯลฯ ที่มากกว่าบริษัทของนาย B และนาย C
จนบรรทัดสุดท้ายนาย A มีรายได้รวม (Total Pay) จากบริษัทมากกว่านาย B และนาย C
เรื่องนี้จึงเป็นข้อคิดให้กับทั้งคนที่ทำงานและคนที่ดูแลระบบค่าตอบแทนว่า
1.เวลาจะเปรียบเทียบรายได้ต้องดูบรรทัดสุดท้ายคือ Total Pay ทั้งหมด
2.ต้องจัดองค์ประกอบค่าตอบแทน (Pay Mix) ให้มีสัดส่วนที่เหมาะสม โจทย์ที่ท้าทายคือจะจัด Pay Mix ของบริษัทเรายังไงให้พนักงานมี Total Pay ที่ไม่ต่ำกว่าตลาดแข่งขัน
3.คำตอบของข้อ 2 คือต้องมี “ข้อมูล” ของเงินเดือนเฉลี่ย, โบนัสเฉลี่ย, สารพัดค่า (แต่ละตัว) เฉลี่ยของตลาด+ทักษะการวิเคราะห์เพื่อหาสัดส่วน Pay Mix ที่เหมาะสมและแข่งขันได้ของ Com & Ben
4.ถ้า Com & Ben มีความเข้าใจเกี่ยวกับกฎหมายแรงงานที่ดีพอจะสามารถทำให้สารพัดค่าบางตัวไม่ใช่ “ค่าจ้าง” ตามกฎหมายแรงงาน ซึ่งจะทำให้บริษัทลด Staff Cost บางตัวลงได้ แต่ถ้า Com & Ben ขาดความรู้ความเข้าใจกฎหมายแรงงานในเรื่อง “ค่าจ้าง” ก็จะเกิดปัญหา Staff Cost บวมตามมาได้
ปิดท้ายบทความนี้เหมือนชื่อเรื่องคือ…อย่าอวดเพื่อนด้วยรายได้