มะเร็งลำไส้ ภัยร้ายใกล้ตัว

คอลัมน์ : SD Talk
ผู้เขียน : พญ.สาวินี จิริยะสิน แพทย์โรคระบบทางเดินอาหาร 
ศูนย์ทางเดินอาหารและตับ รพ.วิมุต

โรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ (Colon Cancer) เกิดจากการเจริญเติบโตผิดปกติของเซลล์ในลำไส้ ทำให้เกิดติ่งเนื้อเล็ก ๆ ที่โตขึ้นจนทำให้ลำไส้ตีบ ส่งผลให้ระบบขับถ่ายผิดปกติ

มีหลายปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรค ปัจจัยแรก คือ พันธุกรรม หากคนในครอบครัว โดยเฉพาะพ่อหรือแม่ มีประวัติเป็นมะเร็งลำไส้ เราจะเสี่ยงเป็นเช่นเดียวกัน

ปัจจัยที่สอง คือ อายุ แน่นอนว่าเมื่ออายุมากขึ้น ความเสี่ยงก็เพิ่มขึ้น

ปัจจัยที่สาม คือ อาหารและไลฟ์สไตล์ เช่น ชอบกินอาหารแปรรูปบ่อย ๆ ไม่กินอาหารที่มีกากใย ไม่ออกกำลังกายหรือเคลื่อนไหวร่างกายน้อย ซึ่งเสี่ยงทำให้ท้องผูก รวมถึงพฤติกรรมอย่างการดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่ ก็เพิ่มความเสี่ยงต่อมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้

ปัจจัยสุดท้าย คือ ผู้ที่เป็นโรคลำไส้อักเสบเรื้อรัง (Inflammatory Bowel Disease-IBD) ก็มีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่เช่นกัน

มะเร็งลำไส้ใหญ่ ทำให้ขับถ่ายผิดปกติ ดังนั้นอาการที่สังเกตได้ชัด ได้แก่ ท้องผูกสลับท้องเสีย อุจจาระลำเล็กลงหรือเป็นเม็ดเล็ก ๆ คล้ายกระสุน ถ่ายเป็นเลือด เนื่องจากก้อนมะเร็งเกิดแผลและมีเลือดออก

ADVERTISMENT

นอกจากนี้ยังมีอาการเบื่ออาหาร น้ำหนักลด คล้ายกับอาการของมะเร็งอื่น ๆ ร่วมด้วย

“สิ่งที่น่ากังวลคือ มะเร็งลำไส้ใหญ่ระยะแรกจะไม่แสดงอาการเลย กว่าเราจะรู้ตัวก็มักจะมีอาการหนักแล้ว เพราะก้อนเนื้อในลำไส้โตมาก หัวใจสำคัญในการป้องกัน คือ ควรมาตรวจคัดกรองตั้งแต่ยังไม่มีอาการ โดยเฉพาะผู้ที่มีอายุ 45 ปีขึ้นไป”

ADVERTISMENT

“มะเร็งลำไส้ใหญ่เป็นโรคอันตรายที่สังเกตได้ยาก เพราะกว่าจะมีอาการ ก้อนเนื้อโรคร้ายก็โตมากแล้ว ส่วนคนที่อยากลดความเสี่ยงของโรคนี้ สามารถทำได้ง่าย ๆ ด้วยการปรับไลฟ์สไตล์ เริ่มจากรับประทานผักและผลไม้ให้มากขึ้น งดอาหารแปรรูป ซึ่งอาจมีสารก่อมะเร็ง และหันมาออกกำลังกาย ทำกิจกรรมที่เพิ่มการเคลื่อนไหวของร่างกาย รวมถึงหลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์และการสูบบุหรี่”

ที่สำคัญ ต้องตรวจสุขภาพเป็นประจำ ส่วนใครที่อายุ 45 ปีขึ้นไปควรมาตรวจคัดกรอง ด้วยการส่องกล้องลำไส้ใหญ่ แม้จะยังไม่มีอาการ

ตามปกติจะแนะนำให้มีการตรวจคัดกรองทุก 10 ปี สำหรับคนที่มีญาติสายตรงลำดับหนึ่ง เช่น พ่อ แม่ พี่ น้อง เป็นโรคนี้ อย่านิ่งนอนใจ ความเสี่ยงยิ่งมีมาก

แนะนำให้มาส่องกล้องตั้งแต่อายุ 40 ปี หรือ 10 ปี ก่อนหน้าที่ญาติอายุน้อยที่สุดได้รับการวินิจฉัย เช่น ถ้าพ่อเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่อายุ 45 ปี ลูกควรส่องกล้องตรวจลำไส้ใหญ่ตอนอายุ 35 ปี

“อยากย้ำว่า ส่องกล้องไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด การได้พบเจอโรคตั้งแต่เนิ่น ๆ จะช่วยการรักษาได้ทันก่อนจะสายเกินแก้”