Squid Game ในมุมมองด้านอาชญาวิทยา

(File Photo) by REUTERS/Ajeng Dinar Ulfiana
คอลัมน์ : SD Talk
ผู้เขียน : ดร.กิตติศักดิ์ เหมือนดาว ดร.มิติ สังข์มุสิกานนท์ 
คณะอาชญาวิทยาและการบริหารงานยุติธรรม ม.รังสิต

สควิดเกม (Squid Game) ซีรีส์เกาหลีใต้ แนวเอาชีวิตรอดที่โด่งดังไปทั่วโลก นำเสนอเรื่องราวการแข่งขันสุดอันตราย เพื่อชิงเงินรางวัลมหาศาล

“ซองกีฮุน” ชายวัยกลางคนผู้มีปัญหาชีวิต ทั้งหนี้พนัน การหย่าร้าง และการว่างงาน ได้รับคำเชิญชวนให้เข้าร่วม “เกมปริศนา” ที่เดิมพันด้วยชีวิต หวังพลิกสถานการณ์อันสิ้นหวัง

กีฮุนพบว่าเขาต้องแข่งขันกับผู้เข้าแข่งขันอีก 455 คน ซึ่งเผชิญปัญหาด้านการเงินเช่นเดียวกัน พวกเขาถูกพาไปยังสถานที่ลึกลับ แถมต้องเผชิญหน้ากับเกมที่ดูเหมือนการละเล่นของเด็ก

แต่กลับมีบทลงโทษถึงตายสำหรับผู้แพ้ โดยการแข่งขันดำเนินไปพร้อมกับความโหดร้าย ผู้เล่นต้องเผชิญกับการต่อสู้ เพื่อเอาชีวิตรอด ท่ามกลางความขัดแย้ง และการหักหลังกันเอง

หากวิเคราะห์ “สควิดเกม” ในมุมมองอาชญาวิทยาสามารถพิจารณาได้หลายแง่มุม โดยมุ่งเน้นด้านอาชญากรรม พฤติกรรมเบี่ยงเบน และปฏิกิริยาของสังคมต่อความรุนแรงที่ปรากฏในซีรีส์

อาทิ อาชญากรรมที่ปรากฏในซีรีส์ การพนันผิดกฎหมาย การกักขังหน่วงเหนี่ยว และการละเมิดสิทธิเสรีภาพ การทำร้ายร่างกาย และการฆาตกรรม ซึ่งเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายอย่างร้ายแรง

ADVERTISMENT

การฉ้อโกงและการหลอกลวง : ผู้จัดเกมหลอกลวงผู้เล่น โดยสัญญาว่าจะมอบเงินรางวัล แต่ในความเป็นจริงกลับใช้ชีวิตของพวกเขาเป็นเครื่องมือในการเดิมพัน เพื่อความบันเทิงของกลุ่มวีไอพี และพฤติกรรมเบี่ยงเบน อาจนำไปสู่พฤติกรรมการเลียนแบบ โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กและเยาวชน

ซึ่งเป็นประเด็นสำคัญที่นักอาชญาวิทยาและผู้เชี่ยวชาญด้านอื่น ๆ ต่างให้ความสนใจ

ADVERTISMENT

สอดคล้องกับ “ทฤษฎีการเรียนรู้ทางสังคม” ที่มีการอธิบายไว้ว่า พฤติกรรมของมนุษย์เกิดจากการเรียนรู้ จากสิ่งแวดล้อม รวมถึงการเลียนแบบพฤติกรรมจากสื่อต่าง ๆ

ด้วยเหตุนี้เองจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับพฤติกรรมเลียนแบบจากซีรีส์ และนำไปสู่การกระทำความผิด

“ทฤษฎีความเครียด” อธิบายว่า อาชญากรรมอาจเกิดขึ้นจากความเครียดและความกดดันทางสังคม เช่น ความยากจน ความเหลื่อมล้ำ และการขาดโอกาส ซึ่งล้วนเป็นประเด็นที่ปรากฏในสควิดเกม

ตัวละครหลายตัวตกอยู่ในสถานการณ์ที่สิ้นหวัง และไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากเข้าร่วมเล่นเกม เพื่อต้องการให้ตนเองหลุดพ้นจากสภาพความกดดัน

“ทฤษฎีการควบคุมทางสังคม” อธิบายเสริมว่า การควบคุมทางสังคม เช่น ครอบครัว โรงเรียน และชุมชน ต่างมีบทบาทมาก ๆ ในการป้องกันอาชญากรรมดังที่กล่าวมา

การที่ผู้เล่นในสควิดเกมตัดสินใจเข้าร่วมเกม อาจสะท้อนถึงการขาดการควบคุมทางสังคมในชีวิตของพวกเขา อาจขาดความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับครอบครัวหรือชุมชน

จึงทำให้พวกเขามีแนวโน้มที่จะกระทำผิดมากขึ้น

นั่นหมายความว่า หากตัวละครในเกมมีความผูกพันกับครอบครัว โรงเรียน และชุมชน จะไม่ทำให้ตัวละครดังกล่าวกระทำความผิด

และ “ทฤษฎีทางเลือกเชิงเหตุผล” อธิบายว่า อาชญากรรมเป็นการตัดสินใจที่มีเหตุผล

โดยผู้กระทำจะชั่งน้ำหนักระหว่าง “ผลประโยชน์” และ “ความเสี่ยง” ที่ตัวเองจะได้รับก่อนที่จะตัดสินใจกระทำผิด

นอกจากนี้ ในสควิดเกม ผู้เล่นอาจมองว่าโอกาสที่จะได้รับเงินรางวัลมหาศาลนั้น “คุ้มค่า” กับความเสี่ยงที่จะเสียชีวิต

“สควิดเกม” จึงเปรียบเสมือนการจำลองภาพสะท้อนพฤติกรรมมนุษย์ที่ถูกกำหนดโดยสภาพของสังคมเกาหลีใต้ ผ่านการนำเสนอเป็นรูปแบบภาพยนตร์ เพื่อให้ผู้ชมได้เห็นสภาพความเป็นจริงในสังคม ซึ่งแฝงไปด้วยสาระและความบันเทิงตามแต่อรรถรสของผู้รับชม