
คอลัมน์ : SD Talk ผู้เขียน : ธำรงศักดิ์ คงคาสวัสดิ์ https://tamrongsakk.blogspot.com
การสิ้นสภาพการจ้าง ถ้าพูดง่าย ๆ ก็คล้าย ๆ กับการแยกทางของคู่สามีภรรยาแบบทางใครทางมัน หรือเหมือนงานเลี้ยงที่ต้องเลิกราแหละครับ แล้วมีกี่แบบล่ะ ?
ท่านว่ามีอยู่ 3 วิธี คือ
1.เมื่อนายจ้างบอกเลิกจ้าง หรือบริษัทเป็นผู้บอกเลิกจ้างพนักงานหรือลูกจ้าง ซึ่งอาจจะมีสาเหตุมากมายหลายหลาก อาทิ บริษัทประสบวิกฤตขาดทุน, ขาดสภาพคล่องทางการเงิน ต้องปิดกิจการ, พนักงานปฏิบัติงานไม่ดี ไม่เป็นที่พอใจตามที่บริษัทต้องการ ทำงานไม่ได้ตาม KPIs,
พนักงานมีปัญหาโรคภัยไข้เจ็บร้ายแรงจนไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ, การเกษียณอายุตามระเบียบของบริษัท, พนักงานทุจริตลักขโมยทรัพย์สินของบริษัท, มาสายเป็นนิจ ลากิจเป็นประจำ พฤติกรรมระรานเพื่อน ๆ ไม่รับผิดชอบการงาน ฯลฯ
เหตุผลดังที่ผมยกตัวอย่างมาข้างต้นนี่แหละครับ ที่มักจะเป็นสาเหตุที่นายจ้างหรือบริษัทเป็นผู้บอกเลิกจ้างพนักงานหรือลูกจ้างได้
สรุปง่าย ๆ ว่า การสิ้นสุดของสัญญาจ้างเกิดจากทางฝ่ายของนายจ้างหรือบริษัทเป็นผู้บอกเลิกจ้างครับ
2.เมื่อลูกจ้างบอกเลิกสัญญาจ้าง ก็คือ พนักงานยื่นใบลาออกแหละครับ ส่วนสาเหตุของการบอกเลิกการจ้างจากทางฝั่งของลูกจ้าง ก็เช่น ได้งานใหม่, ไปเรียนต่อ, ไปประกอบอาชีพส่วนตัว, หัวหน้าบ้าอำนาจ มีวาจาเป็นอาวุธ มีดาวพุธเป็นวินาศ ฯลฯ
ซึ่งเมื่อลูกจ้างเขียนใบลาออกและระบุวันที่มีผลลาออกวันไหน ก็จะมีผลเมื่อนั้นทันที โดยไม่จำเป็นต้องให้ใครอนุมัติการลาออกแต่อย่างใด
แม้ว่าบางบริษัทอาจจะมีกฎระเบียบบอกไว้ว่า ให้พนักงานยื่นใบลาออกล่วงหน้า 30 วัน และต้องให้ฝ่ายบริหารอนุมัติการลาออกเสียก่อนจึงจะลาออกได้ก็ตาม
แต่ถ้าจะว่ากันตามกฎหมายแรงงานแล้ว จะถือวันที่ลูกจ้างระบุไว้ในใบลาออกเป็นสำคัญ (แต่ลูกจ้างที่ดีควรจะเขียนใบลาออกวันนี้ให้มีผลวันพรุ่งนี้ไหมล่ะครับ จากกันด้วยดีจะดีกว่าทำแบบนี้ไหมล่ะ ใจเขา-ใจเราครับ)
3.เมื่อสัญญาจ้างครบกำหนดระยะเวลาตามเงื่อนไขในมาตรา 118 เช่น บริษัท BBB ทำสัญญาจ้างพนักงานเข้าทำงานตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2566 ถึงวันที่ 31 สิงหาคม 2567 เป็นระยะเวลา 1 ปี โดยมีลักษณะงานที่จ้างเป็นไปตามมาตรา 118 เช่น ไม่ใช่ธุรกิจปกติของนายจ้าง
เมื่อพนักงานทำงานไปจนถึงวันที่ 31 สิงหาคม 2567 พอวันรุ่งขึ้น (1 กันยายน 2567) ก็ไม่ต้องมาทำงานกับบริษัทอีก โดยที่บริษัทก็ไม่ต้องแจ้งเลิกจ้าง และนายสัมฤทธิ์ก็ไม่ต้องเขียนใบลาออก เพราะการจ้างงานนี้จะสิ้นสุดไปโดยสัญญาจ้างที่ระบุระยะเวลาไว้ดังกล่าว
อย่างนี้ถือว่าการจ้างงานนี้สิ้นสุดลงด้วยสัญญาที่มีระยะเวลาที่ชัดเจนแน่นอนครับ !
แต่ปัญหาของการเลิกจ้างนั้น มักจะเกิดจากข้อ 1 เป็นหลักเสียมากกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเลิกจ้างแบบไม่มีเหตุผล หรือไม่มีปี่มีขลุ่ย
หรือไม่ได้มีการแจ้งให้พนักงานทราบล่วงหน้า เรียกว่า วันร้ายคืนร้าย ก็เรียกพนักงานมารับหนังสือเลิกจ้าง แล้วให้เก็บของไปเลยแบบปุ๊บปั๊บรับเคราะห์
หรือเช้าวันรุ่งขึ้นพนักงานอาจจะมาทำงานตามปกติ แต่พอมาถึงหน้าโรงงานก็พบประกาศ “ปิดโรงงาน” อะไรทำนองนี้เสียมากกว่า
ซึ่งหากนายจ้างหรือบริษัททำแบบนี้ก็จะทำให้ลูกจ้างหรือพนักงาน “ช็อก” ได้ง่าย ๆ จริงไหมครับ โธ่ ก็ไม่มีการบอกกล่าวให้รู้ตัวกันล่วงหน้าเพื่อทำจิตทำใจกันเลย จะให้เขายิ้มอยู่ได้ยังไงล่ะครับ เพราะแต่ละคนก็มีภาระที่จะต้องส่งเสียเลี้ยงดู หรือมีค่าใช้จ่ายต่าง ๆ กันทั้งนั้นนี่ครับ !
แล้วถ้านายจ้างเลิกจ้างพนักงานโดยที่พนักงานไม่มีความผิดล่ะ ?
ในกรณีที่นายจ้างหรือบริษัทเลิกจ้างพนักงานที่ไม่ได้กระทำความผิดนั้น ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงานได้คุ้มครองลูกจ้างไว้ตามมาตรา 118 (ไปหาอ่านได้ในกฎหมายแรงงานนะครับ) ขึ้นอยู่กับว่าลูกจ้างทำงานกับบริษัทมากี่ปี ซึ่งสูงสุดคือได้รับค่าชดเชยเท่ากับค่าจ้างอัตราสุดท้าย 400 วัน สำหรับลูกจ้างที่ทำงานมาตั้งแต่ 20 ปีขึ้นไป
กรณีไหนบ้างที่นายจ้างเลิกจ้างแล้วไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยตามมาตรา 118 ?
ก็กรณีที่ลูกจ้างหรือพนักงานกระทำความผิดร้ายแรง เข้าข่ายมาตรา 119 ของกฎหมายแรงงาน
จากที่ผมแชร์มาทั้งหมดนี้ก็อยากจะให้เห็นว่า การบอกเลิกสัญญาจ้างนั้นจะเกิดขึ้นได้เสมอ ไม่ว่าจะเป็นการบอกเลิกจากฝั่งนายจ้าง หรือฝั่งลูกจ้างก็ตาม เพราะทั้งสองฝ่ายต่างก็มีสิทธิที่จะบอกเลิกสัญญาจ้างซึ่งกันและกันได้เสมอ
จึงไม่ควรหลงไปยึดติดว่าฉันอยู่กับบริษัทที่มั่นคง แล้วฉันจะมั่นคงตามบริษัทไปด้วย
แต่ความมั่นคงที่แท้จริงอยู่กับตัวของแต่ละคนที่จะต้องสร้างคุณค่าสั่งสมความรู้ความสามารถพัฒนาตัวเองให้คนอื่น (หรือองค์กรใดก็ตาม) เห็นคุณค่าในตัวของเรามากกว่าการเอาตัวเราไปผูกอยู่กับความมั่นคงขององค์กร โดยไม่พัฒนาคุณค่าในตัวเราให้เพิ่มขึ้นในแต่ละวันที่ผ่านไป
เพราะ “คนที่จำเป็น” คือ คนที่องค์กรยังต้องการอยู่เสมอ แต่ “คนไม่จำเป็น” สำหรับองค์กรก็มักเป็นคนที่ถูกเลิกจ้าง และต้องเดินจากไปในที่สุดแหละครับ
ในทางกลับกัน “คนที่จำเป็น” ก็จะเป็นฝ่ายเลือกได้ว่า จะอยู่ที่เดิม หรือจะไปที่ใหม่ ที่เขายื่นข้อเสนอดี ๆ มาให้ ได้เหมือนกันนะครับ