โครงสร้างเงินเดือนกับโครงสร้างค่าจ้างไม่เหมือนกัน

คอลัมน์ : SD Talk
ผู้เขียน : ธำรงศักดิ์ คงคาสวัสดิ์
https://tamrongsakk.blogspot.com

ถึงวันนี้ยังมีความเข้าใจที่สับสนกันระหว่างโครงสร้างเงินเดือน (Salary Structure) กับโครงสร้างค่าจ้าง หรือโครงสร้างค่าตอบแทน (Compensation Structure)

ว่าเหมือนกันหรือไม่อย่างไร

หลายคนอาจจะไปเข้าใจว่ามันคือตัวเดียวกัน ผมก็เลยขออธิบายให้เห็นความแตกต่างให้ชัดเจน เพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับทั้งสองโครงสร้างดังนี้

1.โครงสร้างเงินเดือน (Salary Structure) ทำมาจากการสำรวจตลาดค่าตอบแทน โดยนำตำแหน่งต่าง ๆ ในแต่ละ Job Grade (ที่ผ่านการประเมินค่างานแล้ว) ไปดูว่าตลาดเขาจ่ายกันอยู่เท่าไหร่

แล้วออกแบบโครงสร้างเงินเดือนของบริษัทให้แข่งขันกับตลาดได้ โดยใช้เงินเดือนมูลฐาน (Base Salary หรือ Basic Salary) เป็นตัวกำหนดกระบอกเงินเดือน (Min ถึง Max) ในแต่ละ Job Grade

2.เมื่อทำโครงสร้างเงินเดือนเสร็จจะมีหลักการว่า ในการจ้างพนักงานเข้ามาใหม่ หรือพนักงานที่ทำงานอยู่ในทุกตำแหน่งงานในแต่ละ Job Grade ควรจะมีเงินเดือนมูลฐานไม่ต่ำกว่า Min และไม่เกิน Max ของกระบอกเงินเดือนนั้น ๆ

ADVERTISMENT

3.เงินอื่น ๆ ที่บวกเพิ่มขึ้นจากเงินเดือนมูลฐาน เช่น ค่าครองชีพ, ค่าภาษา, ค่าตำแหน่ง, ค่าวิชาชีพ ฯลฯ จะถือเป็นค่าจ้างหรือค่าตอบแทนอื่นที่บริษัทจ่ายเพิ่ม

จึงเรียกเงินเดือนมูลฐาน+เงินอื่น ๆ ว่าเป็น “โครงสร้างค่าจ้าง” สำหรับตำแหน่งนั้น ๆ

ADVERTISMENT

4.จึงสรุปได้ว่าโครงสร้างค่าจ้างจะไม่ได้ถูกกำหนดเป็นกระบอก Min-Max เหมือนโครงสร้างเงินเดือน

แต่โครงสร้างค่าจ้างคือการนำเงินเดือนมูลฐานรวมเข้ากับค่าตอบแทนตัวอื่น ๆ สำหรับแต่ละตำแหน่งงาน เพื่อให้พนักงานเห็นว่า นอกเหนือจากเงินเดือนมูลฐานแล้ว บริษัทยังจ่ายเงินเพิ่มอื่น ๆ ให้อีก เมื่อรวมกันแล้วก็จะทำให้พนักงานมีรายได้สูงมากกว่าการได้รับเงินเดือนมูลฐานเพียงตัวเดียว

5.โครงสร้างค่าจ้างในตำแหน่งต่าง ๆ อาจจะต่างกันไปตามลักษณะงานของแต่ละตำแหน่ง เช่น ตำแหน่งที่อยู่ใน Job Grade เดียวกัน ก็อาจจะมีโครงสร้างค่าจ้าง (คือเงินเดือน+ค่าตอบแทนตัวอื่น ๆ) แตกต่างกันไป ตามที่บริษัทเห็นสมควรก็ได้

6.จากตัวอย่างโครงสร้างเงินเดือน ผมขอยกตัวอย่างว่า ใน Job Grade 3 จะเห็นว่าหัวหน้างานของแต่ละฝ่ายอยู่ใน Job Grade นี้

ซึ่งเงินเดือนมูลฐาน (Base Salary) ของหัวหน้างานทุกตำแหน่งของบริษัท ไม่ว่าจะอยู่ในฝ่ายใดจะต้องไม่ต่ำกว่า 16,060 บาท และสูงสุดต้องไม่เกิน 32,120 บาท ตามโครงสร้างเงินเดือนของ Job Grade 3

7.ผมสมมุติว่าใน Job Grade 3 นี้มีหัวหน้างานสองคน คือ หัวหน้างานแผนกบัญชีกับหัวหน้างานแผนกช่าง ทั้งสองคนนี้จะอยู่ใน Job Grade เดียวกัน และอยู่ใน “โครงสร้างเงินเดือน” เดียวกัน

แต่บริษัทอาจจะมีการกำหนด “โครงสร้างค่าจ้าง” ที่แตกต่างกันตามลักษณะงาน (ดูภาพประกอบโครงสร้างค่าจ้างหัวหน้างานแผนกบัญชีกับหัวหน้างานแผนกช่าง)

จากตัวอย่างโครงสร้างค่าจ้างดังกล่าว (ผมสมมุติว่าหัวหน้างานทั้งสองคนนี้เงินเดือนเท่ากันนะครับ จะได้เห็นตัวเลขเปรียบเทียบได้ชัดหน่อย)

จะเห็นได้ว่าหัวหน้างานแผนกบัญชีจะมีโครงสร้างค่าจ้างที่น้อยกว่าหัวหน้างานแผนกช่าง เพราะช่างต้องใช้วิชาชีพเฉพาะทาง บริษัทจึงมีค่าวิชาชีพเพิ่มให้อีกเดือนละ 1,000 บาท

ดังนั้น ทั้งหัวหน้างานแผนกบัญชีและหัวหน้างานแผนกช่างต่างก็จะมีเงินเดือนอยู่ในโครงสร้างเงินเดือน (ใน Job Grade 3) เดียวกัน หรืออยู่ในกระบอกเดียวกัน

แต่ทั้งสองตำแหน่งนี้จะมีโครงสร้างค่าจ้างตามตำแหน่งงานที่แตกต่างกันไปตามนโยบายของบริษัท

ผมอธิบายพร้อมทั้งยกตัวอย่างมาถึงตรงนี้แล้ว ก็หวังว่าเราจะเข้าใจความแตกต่างระหว่าง “โครงสร้างเงินเดือน” และ “โครงสร้างค่าจ้าง” ได้ตรงกันแล้วนะครับ

เลยขอปิดท้ายตรงนี้ว่า..

โครงสร้างเงินเดือนกับโครงสร้างค่าจ้างไม่เหมือนกัน เป็นคนละตัวกัน และจะใช้ในบริบทที่ต่างกันครับ