
คอลัมน์ : SD Talk ผู้เขียน : ธำรงศักดิ์ คงคาสวัสดิ์
เจอคำถามนี้เข้าก็เลยทำให้ผมนึกได้ว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องเบสิกและคลาสสิกที่เกิดขึ้นได้เสมอ ไม่ว่าจะเป็นองค์กรใหญ่หรือเล็ก ซึ่งแต่ละแห่งก็จะมีวิธีจัดการที่แตกต่างกันไปตามบริบทที่เกิดขึ้นในองค์กรนั้น ๆ ก็เลยขอนำเอาประสบการณ์และข้อคิดของผมที่ผ่านมา เล่าให้ฟังอย่างนี้ครับ
ในองค์กรใหญ่ที่มีกฎเกณฑ์ว่าสามีภรรยาจะทำงานในหน่วยงานเดียวกันไม่ได้ เช่น กรณีที่ต่างคนต่างเข้ามาทำงานแบบเพื่อนร่วมงาน แต่ต่อมาก็เปลี่ยนความสัมพันธ์จากสิ้นสุดทางเพื่อน มาเริ่มต้นร่วมทางเป็นแฟนแล้วก็แต่งงานกัน
ถ้าทำงานในหน่วยงานเดียวกันก็ต้องจับแยก เพราะเหตุผล คือ
1.ถ้าหากวันไหนสามีภรรยามีปัญหาครอบครัวกันมาจากบ้านจะมีผลกระทบกับงานที่ทั้งสองคนต้องรับผิดชอบ และมีผลกระทบกับทีมงานตามไปด้วย
2.หากทั้งสองคนเป็นระดับพนักงานเท่ากัน ถ้าหัวหน้ามีปัญหาในการทำงาน (หรืออื่นใด) กับสามีหรือภรรยา อีกคนก็จะมีปฏิกิริยาหรือมีโอกาสที่จะมีผลกระทบตามไปด้วย
3.ถ้าหากสามีหรือภรรยาเป็นผู้บังคับบัญชาและอีกฝ่ายเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาก็จะเกิดปัญหาในการบริหารจัดการ เพราะลูกน้องคนอื่นก็จะมองว่าสองมาตรฐานหรือเลือกปฏิบัติได้
4.ถ้าหากหน่วยงานนั้นเป็นหน่วยงานที่ต้องรับผิดชอบเกี่ยวกับบัญชีการเงินหรือทรัพย์สินสำคัญของบริษัท ก็อาจจะเกิดปัญหาการทุจริตแบบร่วมมือกันได้ กรณีนี้ไม่ได้ให้มองคนในแง่ร้ายนะครับ แต่ความเป็นจริงคือถ้าครอบครัวนี้เกิดมีปัญหาด้านการเงินในบ้านขึ้นมาก็ย่อมมีโอกาสจะทำทุจริตได้ครับ
ในองค์กรใหญ่เขาก็จะมีหน่วยงานอยู่มากและบางแห่งก็มีสำนักงานหลายแห่งทั้งในประเทศและต่างประเทศ เขาก็จะมีกฎเกณฑ์จับแยกได้เพราะมีอัตรากำลังและหน่วยงานให้ไปลงได้ แต่ในองค์กรขนาดกลางถึงเล็กนี่แหละครับ ที่มักจะเกิดปัญหาว่าจะให้ไปลงยังไง เพราะไม่มีฝ่ายมีแผนกมากเหมือนองค์กรใหญ่ ๆ
บางแห่งก็แก้ปัญหาด้วยการเชิญมาคุย โดยยื่นเงื่อนไขให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งต้องลาออกไป ตรงนี้ก็ต้องแล้วแต่ว่าฝ่ายสามีหรือภรรยาจะต้องลาออกไป บางแห่งก็มีปัญหาชวนให้คิดต่อไปอีกว่า แล้วถ้าสามี (หรือภรรยา) เป็น Key Person ที่สำคัญขององค์กร และอีกฝ่ายก็ไม่ได้เป็น Key Person แต่ไม่ได้อยากจะลาออกเพราะยังจำเป็นต้องหาเงินมาเลี้ยงลูกเลี้ยงครอบครัวล่ะจะทำยังไง
นี่ยังไม่รวมไปถึงบริษัทที่เรียกสามีหรือภรรยาให้มาเขียนใบลาออกไปโดยไม่จ่ายอะไรเลย เพราะถือว่าการลาออกเป็นความสมัครใจของพนักงานเอง บริษัทไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยใด ๆ ทั้งสิ้นอีกนะครับ
ในขณะที่บริษัทที่ดีกว่านี้หน่อยก็จ่ายเงินให้ตามที่ตกลงกันไว้ ซึ่งบางแห่งก็จ่ายเท่าค่าชดเชยตามกฎหมาย บางแห่งก็ให้น้อยกว่าที่กฎหมายกำหนด เพราะถือว่าให้ก็ดีแล้ว บริษัทไม่ให้เลยก็ยังได้เพราะถือว่าพนักงานลาออกเอง
นอกจากนี้ ผมยังมีข้อคิดในเรื่องเหล่านี้อีกบางประการนะครับ เช่น…
1.ถ้าทั้งสามีหรือภรรยาอยู่กินด้วยกัน แต่ไม่ได้จดทะเบียนสมรสโดยทั้งสองก็ไม่ได้บอกใคร แต่เพื่อน ๆ หรือหัวหน้าก็อาจจะรู้แค่ในเชิงพฤตินัยล่ะ บริษัทจะทำยังไง
2.ในยุคปัจจุบันมีการสมรสเท่าเทียมไม่จำเป็นต้องเป็นคู่รักเพศหญิงกับชายเหมือนยุคเก่า แต่อยู่ด้วยกันแบบคู่รัก ทั้งจดทะเบียนหรือไม่จดทะเบียนก็ตาม บริษัทจะเอายังไง ทั้งหมดที่ผมเล่ามานี้ก็เพื่ออยากจะเปิดประเด็นให้ท่านได้มีมุมมองหลาย ๆ มุม ก่อนที่จะตัดสินใจแก้ปัญหานี้
ตามความเห็นของผมโดยหลักการใหญ่ที่เกี่ยวกับเหตุผลของการจับแยกหน่วยงาน เพื่อป้องกันปัญหา 4 เรื่องหลัก ๆ ที่ผมเล่ามาข้างต้น ก็ควรจะยังคงมีไว้ ส่วนการแก้ปัญหาปลีกย่อยของแต่ละกรณีก็ควรจะต้องมาดูบริบทข้อเท็จจริงของแต่ละกรณี เพื่อหาทางออกที่ดีที่สุดต่อไปครับ