
คอลัมน์ : SD Talk ผู้เขียน : ภาคภูมิ วงศ์ภูมิ ผู้กำกับหนังผีระทึกขวัญของเมืองไทย
ทุกครั้งที่หนังของเราฉาย รู้สึกถึงอะดรีนาลินที่หลั่งออกมา
ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร หรือหนังของเราจะสื่อสาร “สิ่ง” ที่เราต้องการจะนำเสนอไปถึงทุกคนได้หรือเปล่า
แต่เรารู้สึกได้ว่า มันคือความสุข ในการได้ทำหนังหรือภาพยนตร์สักเรื่อง
ในส่วนของนิยามความเป็นหนังผีของผมคือ นอกจากหนังจะเล่าเรื่องคนแล้ว
หนังต้องสะท้อนอะไรบางอย่างของชีวิตมนุษย์ด้วย ไม่ว่าจะเป็นมุมมองความคิด ด้านมืดในจิตใจของคนมันต้องสะท้อนออกมาในหนังผีได้ ไม่ใช่เพียงแค่หลอกหรือหลอนอย่างเดียว การหลอกเฉย ๆ มันเป็นเทรนด์ที่คนดูเปลี่ยนไปเสมอ
แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่เปลี่ยนเลยเวลาเราดูหนังผีคือ เรารู้สึกจับใจความบางอย่างที่เกี่ยวกับความเป็นมนุษย์ได้ ทำให้หนังผีเรื่องนั้นมันคลาสสิก ให้ความรู้สึกกลัว รู้สึกว่ามันมีมุมสยองขวัญ
แม้เราไม่ได้ใช้เทคนิคอะไร ที่แลบลิ้น ปลิ้นตา หรือแต่งหน้า เพราะความน่ากลัวมันอยู่ที่เรื่องคนมากกว่า ไม่รู้จะเรียกว่านี่คือนิยามหรือเปล่า แต่ทุกครั้งที่ผมทำหนังสยองขวัญ จะมองหาเรื่องของคนเสมอ
เมื่อยุคสมัยเปลี่ยน จากกำกับหนังใหญ่ ก็เริ่มมาทำแนวซีรีส์ ซึ่งแนวคิดแง่มุมอะไรบางอย่างในการทำซีรีส์ไม่เหมือนภาพยนตร์ มันมีเสน่ห์หรือวิธีการที่แตกต่างกัน
เราต้องจับทางให้ได้ว่า การทำซีรีส์เป็นอย่างไร
จุดจบแต่ละตอนต้องเป็นอย่างไร
เนื้อเรื่องต้องเป็นแบบไหน ถึงจะสามารถเชิญชวนคนให้ดูตอนต่อได้ และเมื่อได้มาลองทำซีรีส์ก็รู้สึกว่า ทำให้เราเติบโตขึ้น
ประสบการณ์และความสำเร็จบนเส้นทางนี้ ก็เกิดมาจากงานที่เราทำ มันเป็นงานชนิดที่ว่า เราจะมานั่งคิดอย่างเดียวไม่ได้
เมื่อเราได้ลงมือทำ ก็ทำให้เกิดประสบการณ์ เราต้องเรียนรู้ และปรับตัวให้ทันกับโลกที่เปลี่ยนไปทุกวัน
เมื่อก่อนทำหนังแล้วเวิร์ก แต่ยุคนี้ เราต้องมองบริบทอื่น ๆ ประกอบไปด้วย เพื่อนำไปพัฒนางานในรูปแบบที่คนดูให้ความสนใจ โดยไม่ทิ้งแนวคอนเซ็ปต์การเล่าเรื่องหนังในรูปแบบของเรา
สำหรับความประทับใจของอาชีพนี้ คือการได้เป็นนักเล่าเรื่อง เรามีเรื่องมากมายที่จะเล่าให้คนหมู่มากฟังในเรื่องที่เราสนใจ ผ่านมุมมองทัศนคติที่เรานำเสนอ
การเป็นผู้กำกับ ทำให้เราได้เล่าเรื่องเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ เป็นอาชีพที่ได้ค้นหาและวิเคราะห์เรื่องของคน ได้รู้จิตใจคน ได้รู้จักสังคม บริบทของสังคม และได้รู้จักเรื่องต่าง ๆ ก่อนจะกลั่นกรองเรื่องราวออกมาเล่าให้คนได้ดู ได้ฟัง
รู้สึกว่า นี่แหละคือเสน่ห์ของการเป็นผู้กำกับ
…ทุกครั้งที่ไฟปิดมืด หนังเรื่องใหม่ฉาย และไฟเปิดขึ้นมา
เราไม่รู้เลยว่า…
อะไรจะเกิดขึ้น คนจะชอบหรือไม่ชอบกับหนังเรื่องนี้ แต่ความตื่นเต้นยังอยู่ในห้วงความรู้สึกเสมอ ทุกครั้งที่หนังของเราฉาย เรารู้สึกถึงความสุขจริง ๆ
อย่างที่บอกไป หนังของเราจะสื่อสารแก่นของเรื่องไปถึงทุกคนได้หรือไม่
เราไม่รู้ จนกว่าหนังจะฉายจบ และคนดูได้ดู