ประตูปิด-โอกาสเปิด

 คอลัมน์ Market-Think โดย สรกล อดุลยานนท์

“เฟซบุ๊ก เป็นของมาร์ค เว็บไซต์เป็นของเรา”

ผมนึกถึงคำนี้ของน้องคนหนึ่งที่ทำธุรกิจออนไลน์ขึ้นมาทันที หลังจาก “มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก” ปรับนโยบายครั้งใหญ่

ทำเฟซบุ๊กให้สะอาด

เขาพยายามย้อนเวลากลับไปเหมือนในอดีตที่เป็นการเชื่อมต่อของสังคมเพื่อนฝูงและครอบครัว

เคลียร์ฟีดข่าวจากเพจต่าง ๆ ให้ลดน้อยลง

ในมุมหนึ่งเป็นแนวคิดที่ดีที่ต้องการทำให้โลกน่าอยู่ขึ้น

แต่ในมุมธุรกิจ ปั่นป่วนเลยครับ

ไม่ใช่แค่บรรดาเพจดัง ๆ ทั้งหลาย แต่ยังรวมถึงแผนการตลาดของสินค้าต่าง ๆ ด้วย

ปีนี้เป็นปีที่สินค้าต่าง ๆ หันมาทุ่มงบให้กับการตลาดออนไลน์อย่างเต็มที่

ไม่มีใครกังขาแล้วว่าสื่อออนไลน์ได้ผลหรือไม่

และหนึ่งในนั้นคือการใช้งบการตลาดผ่านเพจต่าง ๆ

ดังนั้น เมื่อพี่มาร์คเปลี่ยนนโยบาย แวดวงการตลาดก็ปั่นป่วน เพราะจะวางแผนแบบเดิมไม่ได้แล้วครับ

“เฟซบุ๊ก” เป็นของมาร์ค “เว็บไซต์” เป็นของเรา

ที่ผ่านมาสื่อออนไลน์ที่เป็นเว็บไซต์จะพึ่งพิงฟีดข่าวจากเพจของตัวเอง

คนอ่านข่าวผ่าน link ทางเพจเยอะมาก

ในขณะเดียวกันเพจใหญ่ ๆ อย่าง “อีเจี๊ยบ เลียบด่วน” ก็อาศัยฐานคนติดตามเป็นหลักล้าน

แต่เมื่อพี่มาร์คเปลี่ยนนโยบาย ยอดคนดูก็ลดลงทันที

ในมุมหนึ่งคือ “ปัญหา”

แต่อีกมุมหนึ่งก็คือ “โอกาส”

เพราะที่ผ่านมาทุกคนหวังพึ่งพิง “เฟซบุ๊ก” มาก

เทน้ำหนักให้เต็มที่

แทบจะไม่เหลือทางเลือกอื่นเลย

การปรับเปลี่ยนนโยบายของเฟซบุ๊กครั้งนี้เหมือนกับพี่มาร์คเลื่อนบานประตูนี้ให้แคบลง

ไม่ถึงกับปิด แต่เหลือแค่แง้ม

จากที่เคยเปิดกว้างเต็มที่

เจอความเปลี่ยนแปลงของพี่มาร์คครั้งนี้ ทำให้คนที่ทำสื่อออนไลน์ต้องคิดใหม่

กระจายความเสี่ยงมากขึ้น

ไม่พึ่งพิงช่องทางใดช่องทางหนึ่งมากเกินไป

นี่คือ “โอกาส” ครับ

เป็นโอกาสการปรับตัวครั้งใหญ่ของ “สื่อออนไลน์”

จากเดิมที่ไม่เคยมองช่องทางอื่นเลย ตอนนี้ต้องเริ่มค้นหาแล้วว่ามีช่องทางไหนบ้าง

ทุกรายต้องปรับตัว

ต้องกระจายความเสี่ยงออกไป

โลกนี้ไม่มีทางตันหรอกครับ

เดี๋ยวก็หาเจอ

ในขณะเดียวกันก่อนหน้านี้โอเปอเรเตอร์มือถือรายใหญ่หลายรายเคยนำเสนอแพลตฟอร์มใหม่ที่เป็นของคนไทย

เหตุผลหนึ่งคือ การป้องกันเงินไหลออกไปต่างประเทศ

เพราะตอนนี้งบโฆษณาผ่านเฟซบุ๊กและกูเกิลเยอะมาก

แต่ประเทศไทยไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย

อีกเหตุผลหนึ่งคงเป็นเพราะรู้สึกแปลก ๆ ที่คนใช้เฟซบุ๊กผ่านมือถือที่ตัวเองเป็นโอเปอเรเตอร์

เงินผ่าน “มือถือ” ทุกวัน แต่ตัวเองไม่ได้อะไรเลย

ตอนนั้นแนวคิดนี้ไม่ค่อยได้รับการตอบสนองจากคนทำคอนเทนต์

เพราะมองมุมไหนก็คงสู้แพลตฟอร์มระดับโลกอย่างเฟซบุ๊กไม่ได้

แต่ผมเชื่อว่าวันนี้หลายคนเริ่มคิดใหม่

แทนที่จะปฏิเสธ ก็เปลี่ยนมาลองดูทางนี้บ้างก็ดี

ถ้าแจ้งเกิดได้ เราก็จะได้ประโยชน์

เพราะคุยกับคนไทยยังไงก็รู้เรื่องกว่าคุยกับพี่มาร์ค

ทุกปัญหามีโอกาสเสมอครับ


ขอเพียงแค่หายใจไว้ 555