คอลัมน์ Market-Think โดย สรกล อดุลยานนท์
“เฟซบุ๊ก เป็นของมาร์ค เว็บไซต์เป็นของเรา”
- เช็กที่นี่ ออมสิน-ธ.ก.ส. จัดสินเชื่อปิดหนี้นอกระบบ 20,000 บาท ใครกู้ได้บ้าง!
- กรุงเทพฯ กปน.หยุดจ่ายน้ำ 21 มี.ค. 18 พื้นที่ รับมือน้ำไม่ไหล เช็กที่นี่
- เร่งสายสีแดง มธ.รังสิต-มหิดล ศาลายา คอนโดฯ-บ้านเดี่ยวจ่อเปิดตัวรับเทรนด์ปีมังกร
ผมนึกถึงคำนี้ของน้องคนหนึ่งที่ทำธุรกิจออนไลน์ขึ้นมาทันที หลังจาก “มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก” ปรับนโยบายครั้งใหญ่
ทำเฟซบุ๊กให้สะอาด
เขาพยายามย้อนเวลากลับไปเหมือนในอดีตที่เป็นการเชื่อมต่อของสังคมเพื่อนฝูงและครอบครัว
เคลียร์ฟีดข่าวจากเพจต่าง ๆ ให้ลดน้อยลง
ในมุมหนึ่งเป็นแนวคิดที่ดีที่ต้องการทำให้โลกน่าอยู่ขึ้น
แต่ในมุมธุรกิจ ปั่นป่วนเลยครับ
ไม่ใช่แค่บรรดาเพจดัง ๆ ทั้งหลาย แต่ยังรวมถึงแผนการตลาดของสินค้าต่าง ๆ ด้วย
ปีนี้เป็นปีที่สินค้าต่าง ๆ หันมาทุ่มงบให้กับการตลาดออนไลน์อย่างเต็มที่
ไม่มีใครกังขาแล้วว่าสื่อออนไลน์ได้ผลหรือไม่
และหนึ่งในนั้นคือการใช้งบการตลาดผ่านเพจต่าง ๆ
ดังนั้น เมื่อพี่มาร์คเปลี่ยนนโยบาย แวดวงการตลาดก็ปั่นป่วน เพราะจะวางแผนแบบเดิมไม่ได้แล้วครับ
“เฟซบุ๊ก” เป็นของมาร์ค “เว็บไซต์” เป็นของเรา
ที่ผ่านมาสื่อออนไลน์ที่เป็นเว็บไซต์จะพึ่งพิงฟีดข่าวจากเพจของตัวเอง
คนอ่านข่าวผ่าน link ทางเพจเยอะมาก
ในขณะเดียวกันเพจใหญ่ ๆ อย่าง “อีเจี๊ยบ เลียบด่วน” ก็อาศัยฐานคนติดตามเป็นหลักล้าน
แต่เมื่อพี่มาร์คเปลี่ยนนโยบาย ยอดคนดูก็ลดลงทันที
ในมุมหนึ่งคือ “ปัญหา”
แต่อีกมุมหนึ่งก็คือ “โอกาส”
เพราะที่ผ่านมาทุกคนหวังพึ่งพิง “เฟซบุ๊ก” มาก
เทน้ำหนักให้เต็มที่
แทบจะไม่เหลือทางเลือกอื่นเลย
การปรับเปลี่ยนนโยบายของเฟซบุ๊กครั้งนี้เหมือนกับพี่มาร์คเลื่อนบานประตูนี้ให้แคบลง
ไม่ถึงกับปิด แต่เหลือแค่แง้ม
จากที่เคยเปิดกว้างเต็มที่
เจอความเปลี่ยนแปลงของพี่มาร์คครั้งนี้ ทำให้คนที่ทำสื่อออนไลน์ต้องคิดใหม่
กระจายความเสี่ยงมากขึ้น
ไม่พึ่งพิงช่องทางใดช่องทางหนึ่งมากเกินไป
นี่คือ “โอกาส” ครับ
เป็นโอกาสการปรับตัวครั้งใหญ่ของ “สื่อออนไลน์”
จากเดิมที่ไม่เคยมองช่องทางอื่นเลย ตอนนี้ต้องเริ่มค้นหาแล้วว่ามีช่องทางไหนบ้าง
ทุกรายต้องปรับตัว
ต้องกระจายความเสี่ยงออกไป
โลกนี้ไม่มีทางตันหรอกครับ
เดี๋ยวก็หาเจอ
ในขณะเดียวกันก่อนหน้านี้โอเปอเรเตอร์มือถือรายใหญ่หลายรายเคยนำเสนอแพลตฟอร์มใหม่ที่เป็นของคนไทย
เหตุผลหนึ่งคือ การป้องกันเงินไหลออกไปต่างประเทศ
เพราะตอนนี้งบโฆษณาผ่านเฟซบุ๊กและกูเกิลเยอะมาก
แต่ประเทศไทยไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย
อีกเหตุผลหนึ่งคงเป็นเพราะรู้สึกแปลก ๆ ที่คนใช้เฟซบุ๊กผ่านมือถือที่ตัวเองเป็นโอเปอเรเตอร์
เงินผ่าน “มือถือ” ทุกวัน แต่ตัวเองไม่ได้อะไรเลย
ตอนนั้นแนวคิดนี้ไม่ค่อยได้รับการตอบสนองจากคนทำคอนเทนต์
เพราะมองมุมไหนก็คงสู้แพลตฟอร์มระดับโลกอย่างเฟซบุ๊กไม่ได้
แต่ผมเชื่อว่าวันนี้หลายคนเริ่มคิดใหม่
แทนที่จะปฏิเสธ ก็เปลี่ยนมาลองดูทางนี้บ้างก็ดี
ถ้าแจ้งเกิดได้ เราก็จะได้ประโยชน์
เพราะคุยกับคนไทยยังไงก็รู้เรื่องกว่าคุยกับพี่มาร์ค
ทุกปัญหามีโอกาสเสมอครับ
ขอเพียงแค่หายใจไว้ 555