Market-think : ปัจจัย 4

ค่าเงิน
คอลัมน์ : Market-think
ผู้เขียน : สรกล อดุลยานนท์

ตั้งชื่อเรื่องเหมือนเป็นเรื่องธรรมะ เพราะคล้าย ๆ กับ “อริยสัจ 4”

ไม่ใช่นะครับ

แต่เป็น 4 เรื่องที่น่าจับตามองในช่วงเวลานี้

เพราะน่าจะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยอย่างรุนแรง

เรื่องแรก ค่าเงินบาท

ไม่ใช่แค่เมืองไทยที่มีปัญหาเรื่อง “ค่าเงิน”

แทบทุกประเทศในโลกล้วนมีปัญหาค่าเงินอ่อนทั้งสิ้น

เพียงเพราะยักษ์ใหญ่อย่างสหรัฐอเมริกา ประเทศเดียวที่ขึ้นดอกเบี้ยแบบบ้าระห่ำเพื่อฆ่าเงินเฟ้อ

ดอลลาร์แข็งมากเพียงแค่ตัวเดียว

สะเทือนไปทุกประเทศทันที

แต่ละประเทศก็ออกมาตรการแตกต่างกัน เพื่อดูแลค่าเงินของตัวเอง

อย่าลืมว่าทุกประเทศไม่ได้มีเงินทุนสำรองมากเหมือนเมืองไทยในวันนี้

หลายประเทศเงินทุนสำรองของเขาคล้ายกับเมืองไทย ตอน “ต้มยำกุ้ง”

นักเก็งกำไรค่าเงินตอนนี้คงยิ้ม เพราะมีพื้นที่เล่นมาก

ตอนนี้ได้แค่ไขว่ห้างดูว่าประเทศไหนเปิดช่องว่างให้โจมตีบ้าง

บทเรียนจากปี’40 บอกให้รู้ว่า ถ้าเกิดการโจมตีค่าเงินของประเทศใดประเทศหนึ่งขึ้นมา

มันจะกระทบต่อเนื่องเป็นลูกโซ่

สถานการณ์ค่าเงินในวันนี้จึงน่ากลัว

เรื่องที่สอง การท่องเที่ยว

ช่วงโควิดที่ผ่านมาส่งสัญญาณให้เห็นว่า เศรษฐกิจไทยพึ่งพาการท่องเที่ยวมากเกินไป

พอท่องเที่ยวฟุบ เศรษฐกิจไทยก็เดี้ยงทันที

ตอนนี้ฟ้าเปิดแล้ว นักท่องเที่ยวเริ่มเดินทางมาเที่ยวเมืองไทยมากขึ้น

ยิ่งค่าเงินบาทอ่อน ยิ่งดี

ยิ่งยุโรปมีปัญหาเรื่องพลังงานในช่วงหน้าหนาว เนื่องจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน

ยิ่งเป็นโอกาสของไทยที่จะดึงนักท่องเที่ยวยุโรปหนีหนาวมาเมืองไทย

การท่องเที่ยวดูจะเป็น “ปัจจัยบวก” เรื่องเดียวที่มีผลต่อเศรษฐกิจไทยมาก

ดีกว่าการส่งออกเสียอีก

เพราะเงินจากนักท่องเที่ยวจะกระจายไปทุกระดับ และทุกพื้นที่ มากกว่าการส่งออก

เรื่องที่สาม น้ำท่วม

ปีนี้น่าจะเป็นปีที่คนกรุงหวั่นวิตกเรื่องน้ำท่วมมากกว่าปีอื่น

ภาพของน้ำท่วมปี’54 เริ่มกลับมา

ส่วนหนึ่งเพราะสถานการณ์ฝนตกหนักมากใน กทม.ช่วงที่ผ่านมา และเกิดน้ำท่วมในหลายพื้นที่

นั่นแค่ น้ำขังจากน้ำฝน

แต่ตอนนี้พายุเริ่มเข้าไทยแล้ว ถ้าน้ำในเขื่อนต่าง ๆ เพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ และปล่อยทางเจ้าพระยา

“น้ำฝน” รวมกับ “น้ำเหนือ” ก็น่ากลัวทีเดียว

เรื่องสุดท้าย เรื่อง “ลุงตู่”

ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินชะตากรรมทางการเมืองของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ว่าอย่างไร

ครบ 8 ปีแล้ว

หรือได้ไปต่อ

ตอนที่ปิดต้นฉบับยังไม่รู้ผลการตัดสิน แต่ตอนนี้น่าจะรู้ผลกันแล้ว

ผลที่ออกมาไม่ว่าจะทางไหน ล้วนมีผลกระทบทางการเมืองทั้งสิ้น

เพราะนำมาสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่

ถ้าศาลให้อยู่ต่อ แต่ผมเชื่อว่า พล.อ.ประยุทธ์ คงต้องสรุปอนาคตตัวเองว่าจะไปต่อ หรือควรหยุดได้แล้ว

เพราะช่วงเวลา 1 เดือนที่ถูกพักการปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งนายกฯ

พล.อ.ประยุทธ์ คงมองเห็น “สัจธรรม” แห่งอำนาจ

ใครที่หายไป ใครที่เปลี่ยนไป และมีใครที่ยังอยู่เคียงข้างบ้าง

บารมีที่หดหายไปอย่างชัดเจนในช่วง 1 เดือน น่าจะทำให้ “ลุงตู่” มี “คำตอบ” ในใจ

แต่ถ้าศาลตัดสินใจให้พ้นจากตำแหน่ง รับรองได้ว่าภาวะฝุ่นตลบทางการเมืองจะเกิดขึ้น

การแย่งชิงเก้าอี้นายกรัฐมนตรีในสภาจะดุเดือดเลือดพล่าน

และอาจถึงขั้นยุบสภา

อย่าคิดว่าขั้วต่าง ๆ จะยังอยู่เหมือนเดิมนะครับ

การเมืองไม่มีอะไรแน่นอน

หลายคนคงคิดว่าเหลือแค่ 6 เดือน จะครบวาระของสภา ต้องเลือกตั้งใหม่แล้ว

จะแย่งชิงไปทำไม

นักการเมืองนั้น ขอให้ได้เป็น “นายกรัฐมนตรี” แค่วันเดียว เขาก็เอาแล้วครับ

เรื่อง 8 ปีของ “ลุงตู่” จึงเป็นปัจจัยหนึ่งที่มีผลต่อเรื่องเศรษฐกิจ

…อย่างมาก