คอลัมน์ Market-think โดย สรกล อดุลยานนท์
วันก่อนเห็นข่าวธนาคารออมสินโอนเงินคืนให้กับ “ลูกหนี้ชั้นดี” แล้วชอบมาก
“ลูกหนี้” กลุ่มนี้คือผู้กู้รายย่อยไม่เกินรายละ 3 แสนบาทที่ชำระหนี้ตามเงื่อนไขทุกเดือนติดต่อกัน 12 เดือน
- ร้านธงฟ้า 1.4 แสนแห่ง พร้อมรับดิจิทัลวอลเลต เช็กจังหวัดไหนร้านธงฟ้ามาก-น้อยสุด
- นักท่องเที่ยวเข้าต่ำแสน หวั่นโลว์ซีซั่นทรุดหนัก ททท.ชี้กระทบสั้นยอดบุ๊กกิ้งแอร์ไลน์แน่น
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
ใครรักษา “สัญญา” แบงก์ออมสินจะคืนดอกเบี้ยให้ 30% ของที่จ่ายมา
เรื่องนี้ต้องชม คุณชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน
เขาเสนอแนวคิดนี้เข้า ครม.ตั้งแต่ธันวาคม 2559
เพิ่งครบกำหนด 12 เดือน เดือนพฤศจิกายน 2560
มีประชาชนรายย่อยที่ได้ประโยชน์จากโครงการนี้ 223,537 ราย
เป็นเงิน 626.35 ล้านบาท
เฉลี่ยต่อราย 2,802 บาท
จำนวนเงินสูงสุดต่อราย 12,002 บาท
ธนาคารออมสินเป็นธนาคารของ “คนจน” หรือคนมีรายได้น้อย
เขาเข้าใจความรู้สึกของคนมีรายได้น้อยที่หาเช้ากินค่ำ
เงินกู้ 3 แสนบาท สำหรับชนชั้นกลางถือว่าน้อยมาก
แต่สำหรับคนมีรายได้น้อย…เงินก้อนนี้สูงมาก
ถ้ามองในแง่ความเป็นธรรมแล้ว เป็นเรื่องน่าเศร้าเหมือนกัน
“รายย่อย” คือ คนที่ความสามารถในการชำระหนี้ต่ำกลับเสียดอกเบี้ยสูง
แต่ “รายใหญ่” ที่มีความสามารถในการจ่ายสูง กลับได้ดอกเบี้ยต่ำ
คนที่อ่อนแอ กลับจ่ายมาก คนที่แข็งแรง กลับจ่ายน้อย
แต่ในมุมของแบงก์ เงินที่ปล่อยกู้ก็คือเงินฝากของประชาชน
เขาต้องดูแลและปล่อยกู้อย่างระมัดระวัง
แบงก์จึงตีความเรื่องนี้ในอีกมุมหนึ่ง
คือ มุมของความสามารถในการชำระหนี้ หรือเรื่องเครดิตทางการเงิน
ใครน่าเชื่อถือกว่าก็จ่ายดอกเบี้ยต่ำ
ในเชิงธุรกิจเข้าใจได้
แต่ในมุมของความเป็นธรรมในสังคม…คนมีรายได้น้อยก็คงอดน้อยใจไม่ได้
แนวคิดของธนาคารออมสินในเรื่องนี้
จึงเป็นการแก้ปัญหา “ความเป็นธรรม” ที่ตรงประเด็น
“รายย่อย” ที่ชำระหนี้ตามเงื่อนไขทุกเดือนต่อเนื่องกันนาน 12 เดือน
เขาจะให้ “รางวัล”
“รางวัล” นั้นก็คือ คืนดอกเบี้ยให้ 30% ของดอกเบี้ยที่จ่ายให้แบงก์
สมมุติว่าจ่ายมา 100 ก็คืนให้ 30
แบงก์เก็บเอาไว้แค่ 70
หมายความว่า ถ้าชาวบ้านต้องจ่ายดอกเบี้ยเงินกู้ 10% ต่อปี…ก็จะเหลือเพียงแค่ 7% ต่อปี
หรือลดระดับมาเป็นลูกค้าที่ค่อนข้างดี
นี่คือ การปรับฐาน “ลูกค้า” ตามความเป็นจริง
เพราะตอนปล่อยกู้ครั้งแรก แบงก์ไม่มีทางรู้ว่าผู้กู้แต่ละรายนิสัยเป็นอย่างไร จะจ่ายหรือไม่จ่าย
แบงก์จะทำนายเขาจาก “อดีต” คือ ฐานะการเงิน หลักทรัพย์หรือเงินหมุนเวียนทางธุรกิจ
เหมือนดู “โหงวเฮ้ง” ทางการเงิน
เมื่อลูกค้ากลุ่มนี้มีรายได้ต่ำ เขาก็เป็นกลุ่มที่มี “ความเสี่ยง”
แบงก์ต้องคิดดอกเบี้ยสูง
แต่เมื่อพฤติกรรมในช่วง 1 ปีที่ผ่านมาเขาแสดงให้เห็นชัดเจนว่าเป็น “คนดี”
…รักษาสัญญา
พูดคำไหนเป็นคำนั้น
คนกลุ่มนี้ก็ควรได้รับ “รางวัล” ตอบแทน
แบงก์ออมสินจึงปรับสถานะของเขาตามพฤติกรรมที่แท้จริง
แล้วลดดอกเบี้ยลงไปอยู่ในระดับลูกค้าที่ดี
ผมว่านี่คือการค้าที่เป็นธรรม ไม่ใช่เลยตามเลย
ดูโหวงเฮ้งผิด คิดดอกเบี้ยเขาแพงกว่านิสัยที่แท้จริง
จะทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ไม่ได้
แบงก์ต้องแก้ไขใหม่ให้เป็นธรรม
ที่สำคัญนี่คือการให้ “รางวัล” แก่คนที่รักษาสัญญา
เขาจะได้มีกำลังใจทำดีต่อไป
ทำดีแล้วได้ดี
คนที่รักษาสัญญาก็ควรได้รับ “รางวัล”
คนไม่รักษาสัญญาควรได้รับ “การลงโทษ”
ครับ…แม้จะเป็นเรื่องดี แต่ผมขอเตือนว่า ธนาคารออมสินไม่ควรนำผลงานเรื่องนี้ไปรายงานคณะรัฐมนตรีในช่วงนี้เป็นอันขาด
เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา คงไม่อยากได้ยินคำว่า “สัญญา”
ตอนนี้เป็น “ของแสลง” ครับ