
คอลัมน์ : Market-think ผู้เขียน : สรกล อดุลยานนท์
ตอนที่เห็นข่าวโทรทัศน์เริ่มนำคลิปต่าง ๆ ที่มีการแชร์ในโซเชียลมีเดียมาเป็น “ข่าว”
ผมเริ่มได้กลิ่นของ “ความเปลี่ยนแปลง” โชยมา
จากเดิมที่สื่อมวลชนจะเป็นคนทำข่าว
แต่โซเชียลมีเดียทำให้ทุกคนเป็น “นักข่าว” ได้
เห็นอะไร มีอะไรไม่พอใจก็สามารถโพสต์ได้ทันที
ไม่ว่าจะเป็นการเขียนหรือถ่ายคลิป
ถ้าคลิปหรือเรื่องราวนั้นเป็นที่สนใจมีการแชร์ไปเยอะ ๆ
“สื่อ” กระแสหลักก็จะนำ “ข่าว” เหล่านั้นมานำเสนอ
มุมหนึ่ง เหมือนกับลดบทบาทของสื่อ
แต่อีกมุมหนึ่ง เหมือนกับสำนักข่าวมีนักข่าวเพิ่มโดยไม่ต้องจ่ายเงินเดือน
ไม่ว่าจะมองในมุมไหน นี่คือ ความเปลี่ยนแปลง
ตอนนี้ยิ่งหนักขึ้นกว่าเดิมเมื่อมีข่าวทุนจีนสีเทา และพนันออนไลน์
เพราะคนที่เจาะข่าวได้ลึกที่สุด คือ “ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์”
ไม่ใช่แค่ลึกกว่านักข่าว
แต่ลึกยิ่งกว่าตำรวจอีก
นอกจากนั้นยังมีพวกเพจลึกลับ อย่าง เหยื่อ อีซ้อขยี้ข่าว ฯลฯ ที่เปิดภาพและเบื้องหลังคนที่เกี่ยวข้องกับการพนันออนไลน์ที่ลึกมาก
ความได้เปรียบของเพจพวกนี้ คือ เขาไม่ต้องกลัวโดนฟ้องหมิ่นประมาทจึงไม่ต้องเซ็นเซอร์อะไรเลย
ภูมิทัศน์สื่อที่เปลี่ยนไป ทำให้วิธีคิดของสำนักข่าวต่าง ๆ ก็ต้องปรับตามความเป็นจริง
เพราะนอกจากมี “นักข่าว” ประชาชนส่งข่าวใหม่ ๆ ให้แล้ว
ตอนนี้ยังมีนักข่าวแบบ “เจาะลึก” เขียนสกู๊ปมาให้อีก
แต่สิ่งที่สื่อกระแสหลักเหนือกว่าเพจเหล่านั้นก็คือ การนำเสนอข่าวที่รอบด้าน เปิดรับฟังความเห็นทั้งสองฝ่าย ให้ความเป็นธรรมกับทุกคน
อีกเรื่องหนึ่งที่น่าสนใจสำหรับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น
นั่นคือ การอภิปรายรัฐบาลตามมาตรา 152 ของฝ่ายค้าน
ซึ่งเป็นครั้งสุดท้ายก่อนการเลือกตั้ง
ในอดีตการอภิปรายแบบนี้จะเป็น “นาทีทอง” ที่ฝ่ายค้านจะถล่มรัฐบาล เพื่อเรียกคะแนนเสียงจากประชาชนในการเลือกตั้งที่จะมาถึง
ฝ่ายค้านต้องจัดหนัก จัดเต็ม
ส่วนรัฐบาลต้องเล่นทั้งเกมบนดินและใต้ดินเพื่อไม่ให้ฝ่ายค้านถล่มได้เต็มที่
แต่ในวันนี้ดูเหมือนว่าทั้งรัฐบาลและฝ่ายค้านคงคิดคล้าย ๆ กัน
รัฐบาลนั้นมองว่าโลกที่เปลี่ยนไปทำให้คนไทยลืมง่าย
ข่าวสารใหม่ ๆ เกิดขึ้นทุกวัน
อภิปรายวันนี้ ไม่กี่วันคนก็ลืมแล้ว เพราะมีเรื่องใหม่น่าสนใจกว่า
เขาคิดว่าการเลือกตั้งจะมาถึง อีก 2 เดือนกว่า คนไทยก็ลืมเรื่องที่ฝ่ายค้านอภิปรายแล้ว
ยิ่งตอนหาเสียง ยิ่งมีเรื่องใหม่ ๆ เกิดขึ้นเต็มไปหมด
ในขณะที่ฝ่ายค้านก็เข้าใจความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น
การอภิปรายครั้งนี้แม้จะใส่เต็มที่เหมือนเดิม
แต่ที่เพิ่มเติมคือการตัดคลิปสั้น ๆ ผ่านโซเชียลมีเดียเพื่อสร้างการรับรู้ที่กว้างขวางมากขึ้น
การอภิปรายในสภานั้นเหมือนกับคอนเทนต์รูปแบบหนึ่งที่แตกต่างจากการปราศรัยหาเสียง
มีความน่าเชื่อถือมากกว่า
สามารถนำมาใช้หาเสียงได้ในตอนนี้
และเอาไปถล่มซ้ำในอนาคตได้
เพราะอภิปรายในสภา ฟังแล้วจบเลย
แต่ถ้าอยู่ในคลิป เราจะบูตโพสต์สร้างกระแสใหม่เมื่อไรก็ได้
นี่คือ ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น
และคงได้เห็นอีกในช่วงการหาเสียงเลือกตั้งครั้งนี้
ครับ ทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้ว
แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่เปลี่ยนแปลง
คือ ความคิดในการลงคะแนนเลือกนายกรัฐมนตรีของวุฒิสมาชิกที่มาจากการแต่งตั้งของ คสช.
พระอาทิตย์ขึ้นกี่ครั้ง เขาก็ไม่เข้าใจว่าการเคารพเสียงของประชาชนหมายความว่าอย่างไร
เที่ยงวันแล้ว เขาก็ยังคิดว่าเที่ยงคืน