
คอลัมน์ : Market-think ผู้เขียน : สรกล อดุลยานนท์
สิ้นเดือนนี้ แอป “โรบินฮู้ด” คงกลายเป็นแค่ “ตำนาน”
เหมือนกับเรื่องเล่า “โรบินฮู้ด” วีรบุรุษที่ปล้นคนรวยมาช่วยคนจนแห่งป่าเชอร์วู้ดของอังกฤษ
ผมชอบไอเดียตั้งต้นของแอป “โรบินฮู้ด”
เพราะเริ่มต้นจาก “หัวใจ” ที่อยากช่วยเหลือร้านค้าเล็ก ๆ ในช่วงโควิดของ “อาทิตย์ นันทวิทยา” ซีอีโอเอสซีบี เอ็กซ์
ทีมงานที่นำโดย “ธนา เธียรอัจฉริยะ” ใช้เวลาไม่กี่เดือนสามารถปั้นแอปตัวนี้ขึ้นมาได้สำเร็จ
เดือนตุลาคม 2563 เริ่มเปิดให้บริการ
“อาทิตย์” เป็นคนตั้งชื่อแอปว่า “โรบินฮู้ด”
ตอนเสนอในบอร์ดเอสซีบี มีหลายคนตั้งคำถามกับเรื่องชื่อ
แต่ “อาทิตย์” ยืนยันในบอร์ดว่า ถ้าไม่ใช้ชื่อนี้ เขาไม่ทำ
“โรบินฮู้ด” เริ่มต้นด้วยแนวคิดว่า อยากช่วยเหลือร้านค้าเล็ก ๆ
เขาจึงไม่เก็บค่าจีพีกับร้านค้า
…ยอมขาดทุน
คิดง่าย ๆ ว่า แบงก์ต้องใช้งบฯซีเอสอาร์อยู่แล้ว เอาเงินก้อนนั้นมาใช้กับ “โรบินฮู้ด” ดีกว่า
เพราะได้ช่วยเหลือสังคมจริง ๆ
“โรบินฮู้ด” จึงเป็นขวัญใจของร้านค้าเล็ก ๆ
เพราะร้านเล็ก ๆ ส่วนใหญ่จะมียอดขายไม่สูงมาก
ถ้าส่งกับแอปต่าง ๆ เขาสู้ค่าจีพีไม่ไหว
หลายร้านเริ่มต้นขายแบบดีลิเวอรี่กับ “โรบินฮู้ด” เป็นเจ้าแรก
ยิ่งตอนที่รัฐบาลประกาศล็อกดาวน์ในช่วงโควิดระบาดหนัก
“โรบินฮู้ด” ยิ่งได้ใจร้านเล็ก ๆ
ส่วนหนึ่งเป็นเพราะ เอสซีบี เป็นแบงก์ เขามีระบบการโอนเงินสดให้ร้านค้าภายใน 1 ชั่วโมง หลังจากส่งเสร็จ
ช่วงนั้น “เงินสด” คือ “พระเจ้า”
ตอนแรก เอสซีบี ตั้งเป้าในการขาดทุนหลักร้อยล้านบาทต่อปี
ประมาณ 200-300 ล้านบาท
เทียบกับกำไรปีละ 40,000 กว่าล้าน
ถือว่าน้อยมาก
ตรงกับชื่อ “โรบินฮู้ด”
…ปล้นคนรวยมาให้คนจน
แต่พอผ่านพ้นช่วงโควิด ตัวเลขขาดทุนเริ่มเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
กลายเป็นหลักพันล้าน
จนเมื่อสิ้นปี 2566 ขาดทุน 2,100 ล้านบาท
ส่วนหนึ่งเพราะแนวคิดการทำแอปเริ่มเปลี่ยนไป
จากการส่งอาหาร เริ่มขยายไปเป็นการซื้อของ จองที่พัก เรียกรถ ฯลฯ
เมื่อคิดสู้ในสนามใหญ่ แข่งกับแอปขนาดใหญ่อย่าง แกร็บ หรือไลน์แมน
ธุรกิจสตาร์ตอัพแบบนี้มันเผาเงินมโหฬารเพื่อสร้างตลาด
แกร็บ กว่าจะมีวันนี้ก็ขาดทุนต่อเนื่องถึง 10 ปี กว่าจะพลิกมามีกำไรในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา
การเดินในแนวทางนี้ท้าทายวิธีคิดแบบธุรกิจดั้งเดิมของนายแบงก์มาก
และเมื่อถึงจุดที่ต้องตัดสินใจ
บอร์ด “โรบินฮู้ด” ก็เลือกที่จะลงดาบ
แทง “โรบินฮู้ด” ทะลุถึงหัวใจ “อาทิตย์”
ทั้งที่จะเดินหน้าต่อก็ยังทำได้ เพราะมีหลายบริษัทสนใจที่จะเข้าร่วมทุน
บริษัทเหล่านี้รู้ว่า “ข้อมูล” ลูกค้า และ “ระบบ” ของ “โรบินฮู้ด” มีคุณค่ามาก
แต่บอร์ดของ “โรบินฮู้ด” ตัดสินใจเลือกแนวทางการปิดกิจการแทน
ไม่ขาย-ไม่ร่วมทุนกับใครทั้งสิ้น
ในฐานะลูกค้าที่ใช้บริการสั่งอาหารจาก “โรบินฮู้ด” เกือบทุกวัน ต้องยอมรับเลยว่า เสียดายมาก
เพราะการจัดส่งเร็วกว่าแอปอื่น
และมีร้านเล็ก ๆ ให้เลือก
ช่วงที่มีข่าวว่าจะปิด “โรบินฮู้ด” ผมเริ่มหันมาใช้แอปอื่นบ้าง เพื่อสร้างความคุ้นเคย
ปรากฏว่าร้านเล็ก ๆ ที่เคยสั่ง ไม่มีในแอปใหญ่
หรือจะค้นหาร้านเล็ก ๆ ก็ค้นหายากมาก
นี่คือ ความแตกต่างที่เห็นได้ชัด
ตำนาน “โรบินฮู้ด” ที่ประเทศอังกฤษ แม้จะผ่านมาหลายร้อยปี
คนก็ยังจดจำถึงวีรกรรมการปล้นคนรวยมาช่วยคนจน
ในเมืองไทย แม้ “โรบินฮู้ด” จะไม่ยิ่งใหญ่ขนาดนั้น
แต่เชื่อว่าคงมีร้านอาหารเล็ก ๆ หลายแห่งที่ยังจดจำแอป “โรบินฮู้ด”
และขอบคุณที่ทำให้เขารอดจากวิกฤตโควิดมาจนถึงทุกวันนี้
แม้ไม่ใช่ตำนานที่ยิ่งใหญ่
แต่เป็นเรื่องเล่าดี ๆ ที่ฝังลึกอยู่ในใจคนหลายคน
…อย่าเสียใจที่ต้องจากลา
แต่จงดีใจที่ได้ทำให้สิ่งดี ๆ เกิดขึ้นในโลกใบนี้