คอลัมน์ : Market-think ผู้เขียน : สรกล อดุลยานนท์
คืนวันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ผมนั่งดูการถ่ายทอดสดกิจกรรมเคานต์ดาวน์จากสถานที่ต่าง ๆ
กดทีวีเปลี่ยนช่องไปเรื่อย ๆ
แต่พอถึงช่วงครึ่งชั่วโมงสุดท้าย ผมกดรีโมตแช่อยู่ที่ “ไอคอนสยาม”
เพราะปีนี้เขาเชิญ “ลิซ่า” มา
น่าเสียดายที่ระบบการถ่ายทอดสดครั้งนี้มีปัญหา
มุมกล้องก็ไม่สวย ระบบเสียงก็ไม่ดี
ได้ยินแต่เสียงดนตรีกลบเสียงร้อง “ลิซ่า”
และที่สำคัญ ไม่ได้ยินเสียงคนดูเลย
ดูอยู่ที่บ้านนึกว่าคนไทยไม่กรี๊ด “ลิซ่า”
แต่พอไปเห็นคลิปต่าง ๆ จึงรู้ว่าการตอบรับของคนดูดีมาก แต่เหมือนโดนดูดเสียงออก
…น่าเสียดาย
แต่ถึงกระนั้น ยอดคนดูทั่วโลกในทุกช่องทางสูงถึง 30 ล้านคน
คุ้มค่าราคา “ลิซ่า” มาก
ผมได้ดูการแสดงของ “ลิซ่า” แบบเต็ม ๆ ครั้งนี้เป็นครั้งแรก
ยอมรับเลยว่า “ลิซ่า” คือ ศิลปินระดับโลกอย่างแท้จริง
ทุกท่วงท่าบนเวทีมีเสน่ห์มาก
“ลิซ่า” เป็นศิลปินหญิงของเอเชียที่มีผู้ติดตามสูงที่สุดในโลก
ตอนนี้ยอดผู้ติดตามอินสตาแกรมของเธอ สูงถึง 105 ล้านคน
เครดิตเรื่องนี้ต้องยกให้กับวงการเค-พ็อป ของเกาหลีที่ขัดเกลาให้ศิลปินไทยคนนี้เปล่งประกายออกมา
แต่ในมุมการตลาด “ลิซ่า” คือ คนไทย
เธอสามารถเป็นตัวแทนของไทยในการเผยแพร่ “ซอฟต์พาวเวอร์” ของเมืองไทยได้เป็นอย่างดี
เห็นพลังของ “ลิซ่า” ในวันเคานต์ดาวน์แล้ว ยอมรับเลยครับ
ผมนึกถึงคำสัมภาษณ์ของ ดร.แสงสุข พิทยานุกูล เจ้าของยาสีฟัน “เดนทิสเต้”
สินค้าไทยตัวแรกที่ใช้ “ลิซ่า” เป็นแบรนด์แอมบาสซาเดอร์
ทำให้ “เดนทิสเต้” เป็นยาสีฟันของไทยที่ขายไปทั่วโลก
ตอนนี้ “เดนทิสเต้” ต่อสัญญากับ “ลิซ่า” เป็นปีที่ 3 แล้วครับ
ค่าตัวจากหลักสิบล้านในปีแรก พุ่งขึ้นเป็นหลักร้อยล้าน
มีคนถาม ดร.แสนสุขว่าทำไมยอมทุ่มทุนจ้าง “ลิซ่า” ด้วยค่าตัวมหาศาลขนาดนี้
คำตอบของเขาคมมาก
“ผมไม่ได้เป็นคนจ่าย ยอดขายที่เพิ่มขึ้นเป็นคนจ่าย”
ดร.แสนสุขบอกว่า ถ้าใช้ “ลิซ่า” เป็นแบรนด์แอมบาสซาเดอร์แล้วไม่คุ้มค่า เขาคงไม่ต่อสัญญาเป็นปีที่ 3
พลังของ “ลิซ่า” ทำให้ยาสีฟันจากประเทศไทยเป็นที่รู้จักในระดับโลก
และยอดขายที่เพิ่มขึ้นต้องสูงทีเดียว
ไม่เช่นนั้นคงไม่ยอมจ่ายค่าตัวเป็นหลักร้อยล้าน
ผมไม่รู้ว่ารัฐบาลไทยคิดอย่างไรกับเรื่องนี้
นี่คือ โอกาสของประเทศไทยที่มีศิลปินระดับโลกเป็นคนไทย
และพลังของ “ลิซ่า” ก็พิสูจน์ให้เห็นแล้ว
ไม่เชื่อลองคุยกับ ดร.แสนสุข ดูก็ได้นะครับ
การท่องเที่ยวของไทยทำรายได้ให้ประเทศสูงที่สุด
ถ้าใช้ประโยชน์จาก “ลิซ่า” ดี ๆ น่าจะช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวไทยได้มากทีเดียว
โดยเฉพาะการเจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่
ความเป็นคนไทยที่เข้าใจเมืองไทยดี เป็นข้อได้เปรียบของ “ลิซ่า”
เพราะพูดแล้วคนต่างชาติเชื่อมากกว่าใช้ศิลปินต่างประเทศ
เรามี “ของดี” อยู่ในมือ
ต้องใช้ให้เป็น
แต่เรื่องนี้ต้องคิดแบบธุรกิจนะครับ
อย่าลืมว่ารายได้จากการท่องเที่ยวปีนี้สูงถึง 1.67 ล้านล้านบาท
“ของดี” ต้องกล้าจ่าย
ไม่ใช่คิดแบบไทย ๆ
…ช่วยกันหน่อยนะ