คิดแบบ ‘ทรัมป์’

trump
คอลัมน์​ : Market-think
ผู้เขียน : สรกล อดุลยานนท์

ถ้ามองจากภายนอก ผมเชื่อว่าคนจำนวนมากคงตั้งคำถามว่าทำไมประชาชนในประเทศที่เจริญที่สุดในโลก

เป็นประชาธิปไตย รักเสรีภาพ อิสรภาพ

แต่ทำไมเลือก “โดนัลด์ ทรัมป์” เป็นประธานาธิบดี

ไม่ใช่แค่ครั้งเดียว

แต่เป็นประธานาธิบดีถึง 2 สมัย

แม้จะไม่ใช่ 2 สมัยติดต่อกัน เพราะต้องเว้นวรรคให้กับ “โจ ไบเดน”

ADVERTISMENT

แต่ครั้งที่แพ้ “ไบเดน” ก็แพ้อย่างสูสีมาก

และเชื่อกันว่า ถ้าไม่เจอวิกฤตโควิดในช่วงท้าย ๆ

ADVERTISMENT

“โดนัลด์ ทรัมป์” จะชนะเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อครั้งที่แล้วอย่างแน่นอน

บุคลิกของ “ทรัมป์” อาจจะตรงกับพื้นฐานความเป็น “คาวบอย” ของอเมริกันชน

และเชี่ยวชาญเรื่องเศรษฐกิจ เพราะเป็นนักธุรกิจใหญ่มาก่อน

ถ้าจำกันได้ เศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาช่วง “ทรัมป์” เป็นประธานาธิบดีนั้นดีมาก

ถูกใจคนอเมริกัน

แต่ถ้ามองในมุมสังคม หรือเรื่องที่สร้างสรรค์ทั้งหลาย

“ทรัมป์” แย่มาก

ล่าสุดก็มีคำสั่งฝ่ายบริหารว่าด้วยการรับรองเพศสภาพ

“ให้มีเพียงสองเพศเท่านั้น คือ เพศชายและเพศหญิง โดยเพศสภาพเหล่านี้ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ และมีพื้นฐานอยู่บนความเป็นจริงขั้นพื้นฐานและไม่อาจโต้แย้งได้”

ในขณะที่เมืองไทยกำลังเฉลิมฉลองกับเรื่อง “สมรสเท่าเทียม”

เปิดกว้างยอมรับความหลากหลายทางเพศ

ซึ่งเรื่องนี้เป็นกระแสของโลก

แต่ “ทรัมป์” ผู้นำของประเทศที่บูชาเรื่องเสรีภาพ กลับเดินสวนทาง

เห็น “ทรัมป์” แล้วนึกถึง “สมัคร สุนทรเวช” อดีตนายกรัฐมนตรีของไทย เป็นคนเชื่อมั่นในตัวเองแบบนี้เลยครับ

เพียงแต่ “ทรัมป์” เก่งกว่า โดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจ

เขาไม่สนใจกระแสโลก ไม่สนใจความเท่าเทียมในมุมของ “คนที่มีมากกว่า” ช่วยเหลือ “คนที่ด้อยกว่า”

“ทรัมป์” ปักธงเลยว่า “สหรัฐอเมริกา” ต้องมาก่อน

อย่างเช่น เรื่อง “โลกร้อน”

เขาประกาศจะถอนตัวจากข้อตกลงปารีสว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ ซึ่งเป็นข้อตกลงที่ลงนามร่วมกันเกือบ 200 ประเทศ ให้อยู่ภายใต้กรอบเดียวกันเพื่อแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ

ทั้งที่ปัญหาเรื่องการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นเรื่องของมนุษยชาติ

“ทรัมป์” ไม่สนใจ

เพียงเพราะเขามองว่า ข้อตกลงฉบับนี้จะทำให้สหรัฐอเมริกาเสียเปรียบจีน

สหรัฐอเมริกามีแหล่งพลังงานจากฟอสซิลจำนวนมาก

มีอุตสาหกรรมรถยนต์ที่ใช้น้ำมัน

ในขณะที่จีนยังต้องนำเข้าน้ำมันจากต่างประเทศ

และเข้มแข็งมากกว่าเรื่องอุตสาหกรรมรถยนต์อีวี

“ทรัมป์” พลิกเกมฉีกข้อตกลงเลย

โลกจะร้อนขึ้นก็ไม่เป็นไร

ขอให้สหรัฐอเมริกาได้เปรียบจีน

และวิธีคิดนี้จะเป็นหลักในการบริหารประเทศของ “ทรัมป์” ต่อไปในแทบทุกเรื่อง

ในอีกมุมหนึ่ง ผมว่า “ทรัมป์” กล้าคิดอะไรใหม่ ๆ

อย่างเช่น การตั้งหน่วยงานที่เรียกว่า “กระทรวงประสิทธิภาพรัฐบาล” (Department of Government Efficiency-DOGE) ซึ่งไม่ได้มีสถานะเป็นกระทรวงอย่างเป็นทางการ

คนที่ดูแลหน่วยงานนี้ คือ “อีลอน มัสก์”

มีพนักงานอีกประมาณ 20 คน

ตั้งเป้าจะลดค่าใช้จ่ายของภาครัฐอย่างน้อย 2 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 70 ล้านล้านบาท

เป็นวิธีคิดที่กล้าหาญมาก

และถ้าใครทำงานภาคเอกชนก็จะรู้ว่า สิ่งที่เขาพูดมีโอกาสเป็นไปได้ เพราะระบบราชการทุกประเทศอุ้ยอ้าย และค่าใช้จ่ายสูง

ตัวเลขอาจไม่สูงเท่ากับที่ประกาศไว้

แต่ก็ลดค่าใช้จ่ายของรัฐลงได้เยอะมาก อย่างแน่นอน

ถ้าใครเคยฟังเรื่องราวของ “อีลอน มัสก์” ก็จะรู้ว่าเขาเก่งแค่ไหน

และบ้าแค่ไหน

ครับ เมื่อ “คนบ้าดีเดือด” 2 คนมาเจอกัน

โลกก็ร้อนเกิน 2 องศาเซลเซียส แน่นอน