เร็ว-ช้า-หนัก-เบา

call center
คอลัมน์ : Market-think 
ผู้เขียน : สรกล อดุลยานนท์

ถือเป็นเรื่องตลกที่น่าเศร้ามาก สำหรับการปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ของรัฐบาลไทย

เพราะเพียงแค่สัปดาห์เดียวหลังจากที่รัฐบาลไทยตัดสินใจตัด “ไฟ-เน็ต-น้ำมัน”

ความสับสนอลหม่านก็เกิดขึ้นในฝั่งเมียนมา

อยู่ดี ๆ ผู้นำของชนกลุ่มน้อยต่าง ๆ ที่ปล่อยปละละเลยให้ “จีนเทา” มาเช่าที่ดินทำเป็นบ่อนกาสิโน พนันออนไลน์ และแก๊งคอลเซ็นเตอร์มานาน ก็เกิดอาการอยู่ไม่สุข

เพราะชาวบ้านในพื้นที่การปกครองเดือดร้อนจากการไม่มีไฟฟ้าและน้ำมัน

โทรศัพท์มือถือและอินเทอร์เน็ตที่เคยใช้ได้ก็ใช้ไม่ได้

ADVERTISMENT

เขาสั่งเลิกสัญญากับ “จีนเทา”

และช่วยคนต่างชาติที่ทั้งถูกหลอกและเต็มใจให้เดินทางกลับประเทศผ่านทางเมืองไทย

ADVERTISMENT

น่าตกใจที่จำนวนคนที่ทำงานให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ มีเป็น 10,000 คน

มาจาก 20 กว่าประเทศ

หมายความว่าพื้นที่นี้เป็นแหล่งคอลเซ็นเตอร์ใหญ่ที่หลอกเงินจากคนทั่วโลก ไม่ใช่ไทยเพียงประเทศเดียว

เป็นแหล่งอาชญากรรมและค้ามนุษย์ระดับโลก

ถามว่าคนกลุ่มนี้เดินทางมาที่นี่ได้อย่างไร

คำตอบที่ชัดเจนที่สุด คือ จากผู้นำคนหนึ่งของชนกลุ่มน้อยที่บอกว่าทุกคนไม่สามารถเหาะลงมาได้

“ผ่านทางไหน ไทยรู้ดี”

ใช่ครับ เขาหมายความว่าเมืองไทย คือ ทางผ่านของกลุ่มค้ามนุษย์กลุ่มนี้

มีคนเคยบอกผมว่า เที่ยวบินจาก กทม. ไปแม่สอดนั้น จะมีบริษัททัวร์ล็อกที่นั่งไว้ตลอด

หลอกใครมาได้เมื่อไร ขึ้นเครื่องได้ทันที

ถ้าไม่มีก็พร้อมจะปล่อยที่นั่งว่าง

ดูจากโมเมนตัมของการลงมือจัดการปัญหาอย่างจริงจังของรัฐบาลชุดนี้ มีโอกาสที่เราจะสามารถจัดการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในฝั่งเมียนมาได้สำเร็จ

ในเวลาอันรวดเร็ว

แน่นอนที่สุด คำถามที่เกิดขึ้นในใจคนไทยจำนวนมากก็คือ ทำไมปัญหาที่ยิ่งใหญ่ระดับประเทศที่คนไทยก่นด่ามายาวนานเป็น 10 ปี

กลับกลายเป็นสายลม

เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นมาก่อน

ถ้าแก้ปัญหาได้ง่าย ๆ แบบนี้

ที่ผ่านมาทำไมไม่ทำ

ปล่อยให้คนไทยถูกหลอกเป็นเงินปีละหลายหมื่นล้านบาท

เรื่องนี้ต้องตั้งคำถามย้อนไปที่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่มีอำนาจเบ็ดเสร็จและครองอำนาจมานาน 10 ปี

ทำไมไม่ทำอะไรเลย

ทั้งที่มีอำนาจเบ็ดเสร็จ คุมอำนาจฝ่ายความมั่นคงทั้งกองทัพ ตำรวจ และมหาดไทย

ในขณะที่รัฐบาลพรรคเพื่อไทยก็ปล่อยปัญหามายาวนานถึง 2 ปี จึงค่อยลงมือ

ก่อนลงมือก็ “รำวง” อยู่นานกว่าจะยอมตัดไฟ

ถ้ารัฐบาลลงมือตั้งแต่ตอนที่คุณทักษิณ ชินวัตร ปราศรัยถึงเรื่องนี้ ตอนหาเสียงนายก อบจ. ช่วงกลางเดือนมกราคม

คะแนนน่าจะเป็นของพรรคเพื่อไทยอย่างเป็นกอบเป็นกำ

แต่พอมาลงมือหลังจากรัฐบาลจีนส่งผู้ช่วยรัฐมนตรีมาเมืองไทย และยื่นเงื่อนไขกับตัวแทนรัฐบาลไทย

คนจำนวนมากจึงมองว่าที่รัฐบาลลงมือลุยจริงจัง เพราะโดน “สี จิ้นผิง” บีบมา

และมาตรการที่ทำก็เป็นเรื่องที่ “รังสิมันต์ โรม” และพรรคประชาชนเสนอมาก่อนนานแล้ว

ผมนึกถึงคำสอนอมตะของคุณเทียม โชควัฒนา ผู้ก่อตั้งค่ายสหพัฒน์

“เร็ว-ช้า-หนัก-เบา”

อะไรควรจะเร็ว ให้ทำเร็ว

อะไรควรจะช้า ให้ช้า ๆ

อะไรควรจะหนัก ให้ทุ่มเทหนัก ๆ

อะไรที่ควรจะเบา ให้เบา

เป็นคำสอนง่าย ๆ สำหรับนักบริหารทุกคน

และเป็นบทเรียนของรัฐบาลชุดนี้

อะไรควรจะเร็ว

…ให้เร็ว