จำได้ว่าวันที่สัมภาษณ์คุณสมชัย เลิศสุทธิวงค์ ซีอีโอของ “เอไอเอส”
เขาพูดถึง “คนรุ่นเก่า” กับ “คนรุ่นใหม่”
- ร้านธงฟ้า 1.4 แสนแห่ง พร้อมรับดิจิทัลวอลเลต เช็กจังหวัดไหนร้านธงฟ้ามาก-น้อยสุด
- นักท่องเที่ยวเข้าต่ำแสน หวั่นโลว์ซีซั่นทรุดหนัก ททท.ชี้กระทบสั้นยอดบุ๊กกิ้งแอร์ไลน์แน่น
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
เจเนอเรชั่นที่ต่างกัน มีวิธีคิดไม่เหมือนกัน
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสถานที่ทำงาน หรือวิธีคิด
“สมชัย” บอกว่า “คนรุ่นใหม่” ไม่ได้
จับจด หรือไม่ลุยงาน
ทุกคนทำงานหนักถ้าชอบและสนุกกับงาน
นี่คือ เรื่องที่ “คนรุ่นเก่า” ต้องเข้าใจ “คนรุ่นใหม่”
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่อง ความจงรักภักดีกับองค์กร
อย่าหวังเรื่องนี้มากกับ “คนรุ่นใหม่”
ศูนย์วิจัยเพื่อการพัฒนาสังคมและธุรกิจ (SAB) เคยทำวิจัยแล้วพบว่า คน Gen X ทำงานเฉลี่ยแห่งละ 5 ปี 5 เดือน
แต่คน Gen Y อายุงานเฉลี่ยแค่ 2 ปี 5 เดือน
ระยะเวลาเดียวกัน คน Gen X ทำงานที่เดิมอยู่
แต่คน Gen Y เปลี่ยนงานไปแล้ว 2 ที่
ที่เจ็บปวดก็คือ การเปลี่ยนงานบ่อย ทำให้เงินเดือนเพิ่มขึ้น
เขาเปรียบเทียบเงินเดือนของเด็ก Gen Y วุฒิปริญญาตรีที่มีอายุงาน 5 ปี
คนที่ไม่ย้ายงานเลย มีเงินเดือนเฉลี่ย 17,602 บาท
คนที่เปลี่ยนงาน 1-2 แห่ง มีเงินเดือนเฉลี่ย 20,120 บาท
คนที่เปลี่ยนงานเกิน 2 ครั้ง มีเงินเดือนเฉลี่ย 22,044 บาท
เกิน 2 ครั้งใน 5 ปี ก็หมายความว่า ทำงานแห่งละไม่ถึง 2 ปี
ถามว่าแบบนี้เด็กรุ่นใหม่จะไม่เปลี่ยนงานหรือครับ
เพราะข้อมูลนี้บ่งชี้ว่า การเปลี่ยนงานนำไปสู่รายได้ที่สูงขึ้น
แต่ผมยังเชื่อว่ากราฟแบบนี้ จะใช้ได้ในช่วงต้นเท่านั้น
เพราะคนที่เปลี่ยนงานบ่อยเกินไป ทำงานแต่ละที่ไม่เกิน 2 ปี จะไม่ค่อยรู้งานจริง
ดูจากการผ่านงานในใบสมัคร เหมือนมี “ประสบการณ์”
แต่เป็น “ประสบการณ์” ที่ไม่รู้จริง
เพราะกว่าจะรู้งานที่ทำอยู่จริง ๆ ผมเชื่อว่าต้องใช้เวลา 2 ปีขึ้นไป
เมื่อไม่รู้จริง พอถึงจุดหนึ่งที่ต้องขึ้นสู่ตำแหน่งบริหารสูง ๆ
เขาจะมีปัญหา
แต่คนที่รู้จริงในแต่ละตำแหน่งงาน พอถึงจุดหนึ่งเขาจะก้าวกระโดดทันที
และแซงคนกลุ่มแรกในช่วงกลาง ๆ
เรื่องนี้เป็น “ความเชื่อ” ส่วนตัวนะครับ
อีกเรื่องหนึ่งคือ เรื่องเวลาทำงาน
คนรุ่นเก่าจะเคยชินกับการทำงานประจำ แบบต้องเข้าสำนักงานทุกวัน
ต้องเห็นหน้า จึงจะถือว่าทำงาน
มีระบบการตอกบัตรแบบเดิม ๆ
แต่คนรุ่นใหม่จะมองที่ “ผลงาน” มากกว่า
ไม่รู้สึกว่าจะต้องเข้าสำนักงานประจำ
เสียทั้งเวลาและค่าใช้จ่ายในการเดินทาง
เทคโนโลยีทำให้เราสามารถประสานงานกันได้โดยไม่ต้องเจอตัว
เขาอยู่ร้านกาแฟ แต่ก็โทร.ติดต่อลูกค้าได้
ทำงานเหมือนกัน
โลกยุคใหม่จึงต้องปรับระบบ เพื่อให้คนรุ่นเก่ากับคนรุ่นใหม่ทำงานร่วมกันได้
ใหม่ทั้งหมดคงไม่ได้
เพราะการทำงานเป็นทีม หากไม่มีความคุ้นเคยกัน คุยกันแบบเห็นหน้ากันบ้าง
ระบบทีมจะไม่คล่องตัว
เพราะ “มนุษย์” ก็คือ “มนุษย์” ที่มีความรู้สึกสำคัญพอ ๆ กับเหตุผล
ในขณะเดียวกัน ถ้าทำแบบเดิมโดยไม่เปลี่ยนแปลง
คนรุ่นใหม่ก็ไม่รับ
วันก่อน มีน้องคนหนึ่งบอกว่า เขากำลังพัฒนาแอปตัวหนึ่งสำหรับฝ่าย HR
มีระบบการลงเวลาทำงานแบบใหม่ที่ตอบสนองวิถีของคนรุ่นใหม่
แต่ผู้บริหารรุ่นเก่าก็ยังสามารถตรวจสอบเวลาทำงานและการทำงานจริงได้
หา “ทางสายกลาง” ผ่านทางแอป
น่าสนใจมากครับ