จุดเปลี่ยน

alcohol
คอลัมน์ : Market-think 
ผู้เขียน : สรกล อดุลยานนท์

ในที่สุด สภาผู้แทนราษฎรก็มีมติผ่านร่างพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ทางกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาเสร็จแล้วในวาระที่ 2 และ 3

ด้วยคะแนนเอกฉันท์ 365 เสียง

แม้จะยังมีขั้นตอนทางสภาที่ต้องผ่านวุฒิสภาก่อน

แต่มาถึงขั้นนี้แล้ว ร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้น่าจะผ่านฉลุย

มาตราสำคัญ คือ มาตราที่ 32 ที่มีการปรับปรุงใหม่ เปิดช่องให้มีการโฆษณาประชาสัมพันธ์ได้มากขึ้น

จากเดิมที่ล็อกตายแบบห้ามทุกอย่าง

ADVERTISMENT

ทำให้เจ้าของสินค้าต้องใช้วิธีการเลี่ยงบาลี เช่น การออกสินค้าน้ำดื่มหรือโซดาที่ใช้แบรนด์เดียวกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

เบียร์ลีโอ ก็มีโซดาลีโอ

ADVERTISMENT

เบียร์ช้าง ก็มีน้ำดื่มช้าง

เบียร์คาราบาวก็เช่นกัน ก็มีน้ำดื่มยี่ห้อเดียวกันออกมา

เวลาสินค้าน้ำดื่ม-โซดา โฆษณา คนดูก็รู้ว่าจริง ๆ จะโฆษณาเบียร์

แต่รัฐก็ทำอะไรไม่ได้

เมืองไทยอยู่กันแบบนี้มานานมาก

การปลดล็อกมาตรา 32 ทำให้เมืองไทยอยู่กับโลกแห่งความเป็นจริงมากขึ้น

ส่วนหนึ่งเพราะกระแสสังคมที่ไม่ได้มองว่า “เหล้า-เบียร์-ไวน์” เป็นอบายมุขที่น่ารังเกียจ

การทำ “คราฟต์เบียร์” รสชาติต่าง ๆ กลายเป็นงานศิลปะของคนที่ชอบดื่มเบียร์

ภาพลักษณ์ของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ดีขึ้น

และยิ่งมีกระแสเรื่องสุราชุมชน หรือการผลิตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์รายเล็ก ๆ ตามจังหวัดต่าง ๆ

เครื่องดื่มแอลกอฮอล์จึงเริ่มพ้นจาก “เงามืด”

มาสู่ “แสงสว่าง” ที่คนยอมรับมากขึ้น

เรื่องการโฆษณานั้นเป็นเรื่องใหญ่ของ “รายย่อย” ที่เพิ่งแจ้งเกิด

เพราะถ้าปิดกั้นไม่ให้โฆษณาเลย

สินค้ายักษ์ใหญ่ที่คนรู้จักดีอยู่แล้วจะได้เปรียบ

รายเล็กไม่มีปัญญาทำน้ำดื่มหรือโซดา เพื่อเลี่ยงบาลีในการโฆษณา

ตอนแรก มีคนเชื่อว่ายักษ์ใหญ่อย่าง “สิงห์-ช้าง” จะใช้บารมีขวางการแก้ไขเรื่องนี้

แต่เห็นมติเอกฉันท์ในสภาแล้วก็รู้เลยว่า 2 ยักษ์ใหญ่วงการน้ำเมาไม่ได้ยุ่งกับเรื่องการแก้ไขมาตรา 32 เลย

ด้านหนึ่ง อาจเป็นเพราะการเปิดช่องให้โฆษณา

รายใหญ่ก็ได้เปรียบรายย่อยอยู่แล้ว

เพราะงบประมาณมากกว่ากันเยอะ

แต่การเปิดช่องให้โฆษณาครั้งนี้ คนที่น่าจะดีใจ คือ เบียร์คาราบาวและตะวันแดงของ “คาราบาวแดง”

เพราะเป็นยักษ์ใหญ่เหมือนกัน

ที่ผ่านมาไม่สามารถแทรกเข้าตลาดได้ ส่วนหนึ่งเพราะเจอการปิดตลาดจากยักษ์ใหญ่

จะสังเกตว่าในผับหรือสถานบันเทิงทั้งหลาย

หาเบียร์คาราบาวและตะวันแดงยาก

แต่อีกส่วนหนึ่งเพราะไม่สามารถโฆษณาได้เต็มที่

สินค้าใหม่ถ้าจะแจ้งเกิดต้องโฆษณา

เหมือนตอนที่บุกเครื่องดื่มชูกำลัง “คาราบาวแดง”

เขาทุ่มงบฯโฆษณาอย่างหนัก

เคลื่อนทีเดียวคนรู้จักทั้งประเทศ

แต่พอเป็น “เบียร์” กฎหมายเดิมห้ามโฆษณา

ขยับตัวยากมาก

น่าจับตาว่าถ้าการแก้กฎหมายนี้มีผลบังคับใช้เมื่อไร เบียร์คาราบาวและตะวันแดงจะทุ่มงบฯโฆษณาแจ้งเกิดอีกครั้งหรือไม่

แต่ที่แน่ ๆ ก็คือ เบียร์ช้างกับลีโอ คงสกัดกั้นเต็มที่แน่นอน

ส่วนสุราชุมชนหรือคราฟต์เบียร์ทั้งหลาย ผมเชื่อว่าเขาจะใช้ช่องโซเชียลมีเดียโฆษณามากขึ้น

ใช้งบฯน้อยตามแบบ “คนตัวเล็ก”

แต่การทำให้คนส่วนใหญ่ได้รับรู้ ได้ทดลองชิม มีโอกาสจะก่อกระแสฟีเวอร์ได้

เหมือน “รีเจนซี่” ที่บอกต่อกันเรื่อย ๆ

จนกลายเป็นสินค้าที่ขาดตลาดไปช่วงหนึ่ง

การปลดล็อกมาตรา 32 ครั้งนี้ อาจเป็น “จุดเปลี่ยน” หนึ่งของธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

ยักษ์ใหญ่ที่ครองตลาดอยู่จะยิ่งใหญ่ขึ้น

หรือมียักษ์ “ตัวใหม่” ขึ้นมาแทน

หรือยักษ์ทั้งหลายจะตัวเล็กลง

แต่มีลูกยักษ์เกิดขึ้นอีกหลายตน

น่าสนใจมาก