คอลัมน์ marketthink โดย สรกล อดุลยานนท์
เป็นอีกหนึ่งสัญญาณ “ความเปลี่ยนแปลง” ที่น่าจับตามอง
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- บังคับใช้แล้ว! หลักเกณฑ์การดำเนินงาน 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว
- รักษาการอธิบดี DSI เปิดเงื่อนไข “ขนย้ายกากแคดเมียม” เข้าข่ายเป็นคดีพิเศษหรือไม่
เมื่อ “ธนาคารออมสิน” จับมือกับ “เซเว่นอีเลฟเว่น” ให้บริการฝาก-ถอนเงินสดผ่านเคาน์เตอร์เซอร์วิส
นั่นหมายความว่า “ออมสิน” ได้เพิ่มจุดการฝาก-ถอนเงินสดทันทีหลายพันจุด
ตามข่าวบอกว่า 7,000 แห่ง จาก 13,000 สาขาเป็นของออมสิน ประมาณ 1,000 สาขา และของ 7-11 อีก 6,000 แห่ง
ข้อมูลตรงนี้คงต้องตรวจสอบอีกครั้ง เพราะน่าจะเปิดให้บริการทุกสาขา
ประเด็นที่น่าสนใจก็คือ ปรากฏการณ์นี้ทำให้เกิดอะไรขึ้นมาบ้าง
ต้องเริ่มจากสภาพความเป็นจริงในปัจจุบันก่อน
ตอนนี้ทุกแบงก์พยายามรณรงค์เรื่อง “คิวอาร์โค้ด” ซื้อขายโดยไม่ต้องใช้เงินสด
และให้โอนเงินระหว่างกันทาง “มือถือ”
ลดการเดินทางของ “เงินสด” ลง
แม้แนวโน้มในอนาคตจะเป็นเช่นนี้
แต่ความเป็นจริงก็คือ ตอนนี้คนส่วนใหญ่ยังใช้เงินสดในการซื้อสินค้า
และยังเชื่อมั่นระบบแบงก์แบบเห็นหน้า
ยังฝากหรือถอนเงินสดกันอยู่
โครงการความร่วมมือของ “ออมสิน-7-11” จึงเท่ากับเพิ่มความสะดวกให้กับคนกลุ่มนี้
แม้ประเด็นที่ชู คือ การรณรงค์ให้เด็กอายุ 7-20 ปี ออมเงินผ่านช่องทาง 7-11 โดยไม่คิดค่าธรรมเนียม
แต่ผมเชื่อว่าเป้าหมายแท้จริงอยู่ที่การฝาก-ถอน ที่คิดค่าธรรมเนียมครั้งละ 15 บาท
“ฝาก” ได้ครั้งละไม่เกิน 30,000 บาท 24 ชม.
“ถอน” ได้ไม่เกิน 5,000 บาทต่อครั้ง ตั้งแต่ 8.00-22.00 น. แต่ไม่เกิน
20,000 บาทต่อวัน
ในเรื่องของการฝากเงิน เกมนี้น่าจะพุ่งเป้าไปที่คน 2 กลุ่ม
กลุ่มแรก คือ พ่อค้าแม่ค้ารายย่อย
ทุกคนไม่อยากเก็บเงินสดจำนวนมาก ๆ ไว้ในกระเป๋า
เขาอยากเอาเงินที่ขายได้เข้าแบงก์
แต่เจอปัญหาแบงก์ปิดเร็วมาก
ร้านไหนขายของตอนเย็น
ต้องหอบเงินสดกลับบ้าน
ยิ่งคนที่ขายของในตลาดนัดกลางคืน หรือร้านอาหารตอนดึก
ยิ่งแล้วใหญ่
เอาเงินกลับบ้านตอนมืด ๆ ก็มีเสียว ๆ เหมือนกัน
ถ้ามีบริการฝากเงินทาง 7-11 ตลอด 24 ชม.
เขาก็สามารถนำเงินเข้าบัญชีได้
ที่สำคัญ สเตตเมนต์ก็ดูงดงาม เวลาต้องการสินเชื่อก็ง่ายขึ้น
แบงก์ออมสินน่าจะได้ลูกค้ากลุ่มนี้เยอะทีเดียว
กลุ่มที่สอง คือ พ่อแม่ที่จะต้องโอนเงินให้ลูก โดยเฉพาะในต่างจังหวัด
จะโอนทางมือถือก็ทำไม่เป็น
หรือบางครั้งเป็นเรื่องเร่งด่วน แบงก์ปิดแล้ว
บริการการฝากเงินเข้าบัญชีลูกผ่าน 7-11 ก็เป็นบริการที่ตอบโจทย์คนกลุ่มนี้
ค่าธรรมเนียม 15 บาท ไม่น่าจะเป็นปัญหาอะไรสำหรับคนที่ต้องการความคล่องตัว
น่าจะถูกกว่าค่ามอเตอร์ไซค์ไปแบงก์
เพราะบริการนี้ ขาย “ความสะดวก” ครับ
ซึ่งเป็น “จุดขาย” ของ 7-11 อยู่แล้ว
อย่าลืมว่าราคาสินค้าในร้าน 7-11 ไม่ได้ถูกที่สุด
ราคาแพงกว่าดิสเคานต์สโตร์ หรือซูเปอร์มาร์เก็ต
แต่ที่เราซื้อเพราะ “ความสะดวก”
เหมือนกับบริการการโอน-ถอนเงิน ของแบงก์ออมสินครั้งนี้
ถามว่าแบงก์ออมสินจะได้อะไรบ้าง
ส่วนหนึ่ง น่าจะได้ส่วนแบ่งค่าธรรมเนียม 15 บาทบ้าง
แต่ที่สำคัญกว่า คือ ทำให้คนใช้บริการแบงก์ออมสินมากขึ้น
โดยเฉพาะอย่างยิ่งพ่อค้าแม่ค้ารายย่อย
ถ้าเขาเอาเงินเข้าบัญชีทุกวัน
เราจะรู้เลยว่าสถานะการเงินของเขาเป็นอย่างไร
สามารถปล่อยสินเชื่อได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
“ออมสิน” น่าจะได้ตลาดต่างจังหวัดเพิ่มมากขึ้น เพราะ 7-11 มีสาขาในต่างจังหวัดถึง 6,000 สาขา
เข้าถึงทุกอำเภอ-ตำบล
เป็นการเปิดตลาดให้ “ออมสิน” ได้เป็นอย่างดี
ในมุมกลับ ถามว่า 7-11 ได้อะไรจากเกมนี้
นอกจาก “ค่าธรรมเนียม” แล้ว
ผมเชื่อว่าที่ผ่านมา 7-11 คุยกับทุกแบงก์
แต่ยังต่อรองกันอยู่
การจับมือกับ “ออมสิน” ครั้งนี้ คือ การเร่งเกมเจรจาต่อรอง
เพราะบริการนี้จะเริ่มต้นจริงๆวันที่ 31 ตุลาคมนี้
แต่แถลงข่าวตั้งแต่กลางเดือนกันยายน ก่อนให้บริการถึง 40 วัน
เป็นการบอกว่าถ้าแบงก์อื่นช้า
แบงก์ออมสินจะยึดตลาดก่อน