
คอลัมน์ Market-think
จนถึงวันนี้ตัวเลขนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางมาเมืองไทยยังไม่ฟื้นเลยครับ
หลังเหตุการณ์เรือล่มที่ภูเก็ตรัฐบาลพยายามอ้างเหตุผลว่าชาวจีนเริ่มรัดเข็มขัดจากสงครามการค้าจีน-สหรัฐอเมริกา เลยมาเที่ยวน้อยลง
วิธีพิสูจน์เรื่องนี้ง่าย ๆ เลยก็คือ เอาตัวเลขนักท่องเที่ยวจีนในประเทศอื่นมาเทียบกับไทย
ถ้าลดลงใกล้เคียงกันก็แสดงว่า “เหตุผล” นั้นถูกต้อง
แต่ถ้าประเทศอื่นนักท่องเที่ยวจีนเพิ่มขึ้น เท่าเดิม หรือลดลงเล็กน้อยก็หมายความว่า “เหตุผล” นั้นเป็น “ข้ออ้าง” เพื่อจะบอกว่าตัวเองไม่ได้ทำอะไรผิดพลาด
ผมคิดถึงเรื่องนี้ขึ้นมาเพราะเห็นข่าวกระแสคนจีนต่อต้านแบรนด์แฟชั่นชื่อดังของอิตาลี Dolce & Gabbana หรือ D&G
เรื่องนี้เริ่มต้นจากคลิปโปรโมตงานแฟชั่นโชว์ของแบรนด์ D&G ที่เซี่ยงไฮ้
ในคลิปเป็นภาพของผู้หญิงจีนกินพิซซ่า คาโนลี่ และสปาเกตตีด้วยตะเกียบ
ถ้าดูในมุมของเราก็คงเป็นเพียงแค่วิธีคิดของครีเอทีฟที่ต้องการผสมผสานระหว่าง “จีน” กับ “อิตาลี” ผ่านวัฒนธรรมอาหาร
แต่ “คนจีน” ไม่ได้รู้สึกแบบนั้น
เขารู้สึกว่านี่คือการดูถูกคนจีนว่าไม่รู้จักวิธีการกินอาหารยุโรป
เป็นการเหยียดเชื้อชาติ
คลิปนี้โปรโมตได้ไม่นานก็ต้องรีบลบทิ้งเพราะกระแสต่อต้านรุนแรงมาก
แต่ยิ่งรุนแรงมากขึ้นเมื่อดีไซเนอร์ชื่อดังของ D&G เขียนใน IG บอกว่า การลบคลิปนี้เพราะกลัวผู้มีอำนาจ
ถ้าเป็นเขา เขาจะไม่ลบเด็ดขาด
และบอกด้วยว่าประเทศจีนเป็นประเทศที่…
เขาใส่สัญลักษณ์ “อุนจิ” ต่อท้าย
เรียบร้อยสิครับ
กระแสต่อต้านยิ่งรุนแรงขึ้น
ดารา-นักร้อง ที่ได้รับเชิญหรือจ้างไปเดินแบบในงานนี้ประกาศถอนตัว
บางคนถึงขั้นบอกว่าจะไม่ร่วมงานกับ D&G อีกเลย
ร้านดิวตี้ฟรีในสนามบินบางแห่งเอาสินค้า D&G ออกจากชั้นวาง
เว็บไซต์ขายสินค้าดัง ๆ ของจีนแทบทุกแห่ง เลิกขายแบรนด์นี้
ทาง D&G พยายามออกมาชี้แจงถึงเหตุการณ์นี้ บอกว่าความฝันของเราคือมาที่เซี่ยงไฮ้เพื่อบอกเล่าเรื่องประวัติศาสตร์และวิสัยทัศน์ของ D&G
งานนี้ไม่ใช่แค่งานแฟชั่น แต่เป็นงานที่เราทุ่มเทด้วยความรักและแรงบันดาลใจเพื่อคนจีนที่รักแบรนด์นี้
แต่เป็นเรื่องที่โชคไม่ดีมาก ๆ ที่เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น
เขาตบท้ายด้วยการขอแสดงความเสียใจต่อเพื่อนและแขกของเรา
อ่านจบแล้วรู้สึกอย่างไรครับ
ผมเชื่อว่าทุกคนคงรู้สึกคล้ายชาวจีน
ทำไมไม่มีคำว่า “ขอโทษ” สักคำเดียว
ดราม่าเรื่อง D&G ในเมืองจีนไม่รู้ว่าจะใช้เวลายาวนานเท่าไรกว่าจะจบ
แต่เป็นบทเรียนสำคัญสำหรับเมืองไทยและสินค้าไทย
จีนเป็นประเทศใหญ่ที่ประชากรอ่อนไหว และชาตินิยมสูงมาก
ผมเชื่อว่าเขาเจอคำดูถูกมายาวนานมาก
พอเขาเริ่มแปลงร่างเป็น “พญามังกร”
ความรู้สึกนี้ยังคงอยู่ในใจ
ถ้ามีอะไรไปกระตุ้นทำให้รู้สึกว่าใครดูถูกเขา
คนจีนจะรู้สึกโกรธมาก
กรณีเรือล่มที่ภูเก็ตก็เช่นกัน รัฐบาลจีนและคนจีนโกรธมาก
คนที่รับผิดชอบเรื่องการท่องเที่ยวรู้ดีว่าเขาโกรธแค่ไหน
เพราะรัฐบาลไทยแอ็กชั่นเรื่องนี้ช้ามาก
แต่ที่แรงกว่าและทำให้กระแสความไม่พอใจกระจายไปแบบไฟลามทุ่งเพราะคำพูดของพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
“นักท่องเที่ยวจีนเป็นคนทำนักท่องเที่ยวจีน จะไปเรียกความเชื่อมั่นยังไง เรื่องของนักท่องเที่ยวเขา เรื่องของเขา เขาทำเรือของเขาเอง เขาฝ่าฝืน ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของเรา แล้วจะให้เราไปเรียกความเชื่อมั่นยังไง ก็เป็นเรื่องของเขา”
หลังเหตุการณ์นี้ยอดนักท่องเที่ยวจีนลดฮวบลงทันที
คนไทยที่อยู่เมืองจีนคนหนึ่งเล่าว่าเขาคุยกับเพื่อนชาวจีนเรื่องนี้
เพื่อนบอกเขาสั้น ๆ ว่า “เราไม่อยากไปประเทศที่ไม่รักเรา”
ครับ ใครจะไปนึกว่าเพียงแค่ประโยคเดียวไม่ว่าจะเป็นการเขียนหรือการพูดจะมีประสิทธิภาพในการทำลายล้างรุนแรงขนาดนี้
“คำพูด” มี “ราคา” จริง ๆ
แพงกว่า “นาฬิกา” เสียอีก