เงินสะพัด

คอลัมน์ Market-think

โดย สรกล อดุลยานนท์

การให้ของขวัญปีใหม่ “คนจน” ด้วยการแจกเงินคนละ 500 บาท

แม้ในทางการเมืองจะอ่านออกว่าทำไมถึงต้องทำเช่นนั้น

และทำไมต้องทำช่วงนี้

คิดดูง่าย ๆ ถ้าเชื่อว่า “คนจน” เลือก ส.ส.จาก “การซื้อเสียง”

การจ่ายเงิน 500 บาท ให้ “คนจน” ก็เหมือนกับเป็นการซื้อเสียงทางอ้อม

โดยใช้เงินภาษีของประชาชน

ไม่ใช่เงินตัวเอง

จำนวน “บัตรคนจน” มีอยู่ประมาณ 11.6 ล้านใบ

ใช้เงิน 5,800 ล้านบาท

แค่สำนึกในบุญคุณของรัฐบาล “พลังประชารัฐ” สัก 50% 5.8 ล้านคน

ตามข้อมูลเก่า ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์คนหนึ่งต้องการเสียงจากประชาชน 70,000 คน

เท่ากับว่าได้ ส.ส. 80 กว่าคนแล้วนะครับ

การเลือกตั้งครั้งนี้จะพิสูจน์ความเชื่อที่ว่า “ส.ส.” มาจาก “การซื้อเสียง”

24 กุมภาพันธ์ปีหน้า รู้กัน

นั่นเป็นมุมทาง “การเมือง”

แต่ในมุมทางเศรษฐศาสตร์ ถ้าอธิบายตามทฤษฎีของ “จอห์น เบย์นาร์ด เคนส์”

ที่บอกว่า ถ้าให้ประชาชนมีเงิน มีรายได้ เอาไปใช้จ่ายก็จะเกิดการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจ

การแจกเงิน 500 บาท ก็จะทำให้เกิดเงินหมุนเวียนจริง ๆ

เพราะ “คนจน” ได้เงินมาแล้ว ไม่มีเก็บไว้แน่นอน

ได้ปั๊บ จ่ายปุ๊บ

และไม่มีข้อจำกัดว่า ต้องซื้อของจากร้าน “ธงฟ้า” ซึ่งเงินส่วนใหญ่จะหมุนกลับ

มาที่ผู้ผลิตสินค้ารายใหญ่ในเมืองกรุง

เขาสามารถนำเงินนั้นไปซื้อของในตลาดนัด หรือซื้ออาหารตามร้านในหมู่บ้านได้

เงินจะหมุนอยู่ในพื้นที่หลายรอบ

เพียงแต่จำนวนเงินที่ใส่เข้าระบบไปนั้นน้อยมาก เมื่อเทียบกับขนาดเศรษฐกิจของไทย

ผลคงไม่มากนัก

แต่ปรากฏการณ์ที่จะทำให้เงินสะพัดมากที่สุด คือ การหาเสียงเลือกตั้ง

ร้างลาการเลือกตั้งไป 7 ปี ครั้งนี้ทุกพรรคใส่เต็มที่แน่นอน

ทั้งเงินจัดเลี้ยง ขบวนแห่ ติดโปสเตอร์ จ่ายหัวคะแนน ฯลฯ

ตามหลักการตลาด ถ้าสินค้าไหนแข่งขันหนัก งบฯการตลาดของแต่ละยี่ห้อก็จะสูงมากทุ่มอัดกันเต็มที่

การเลือกตั้งก็เช่นกัน

หลักจากที่เรียกร้องให้มีการปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง จนนำมาสู่การยึดอำนาจของ คสช.

เชื่อไหมครับว่า หลังการปฏิรูปการเมืองของ คสช. ปรากฏว่าจากคู่ขัดแย้งในสังคมไทยที่มี 2 กลุ่ม

“เสื้อเหลือง” และ “เสื้อแดง”

ตอนนี้แบ่งเป็น 3 กลุ่มแล้วครับ

เหมือนนิยาย 3 ก๊กเลย

คือ เพิ่ม “เสื้อสีเขียว” เข้ามาอีกกลุ่มหนึ่ง

สรุปง่าย ๆ คือ จากเดิมมี “ประชาธิปัตย์” แข่งกับ “เพื่อไทย”

วันนี้มี “พลังประชารัฐ” อีกพรรคหนึ่ง

การแข่งขันในสนามเลือกตั้งจึงรุนแรงขึ้นกว่าเดิม

ยิ่งแข่งกันแรง เงินก็ยิ่งสะพัด

มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยคาดการณ์ว่า เฉพาะเลือกตั้ง ส.ส. เงินจะสะพัดไม่ต่ำกว่า 40,000 ล้านบาท

500 เขตเลือกตั้ง ก็ตกประมาณเขตละ 80 ล้านบาท

ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาสั้น ๆ แค่ 2 เดือน

และส่วนใหญ่จะหมุนเวียนอยู่ในพื้นที่

หมุนต่อได้อีกหลายรอบ

ใครจะวิเคราะห์เศรษฐกิจไทยปีหน้าอย่างไร ก็ไม่รู้

GDP จะเป็นอย่างไร ก็ไม่ทราบ

แต่ผมเชื่อว่า ไตรมาสแรกของปีหน้า

เศรษฐกิจระดับชาวบ้านจะดีครับ

หลังจากนั้น ค่อยว่ากันอีกที