คอลัมน์ Market-think
โดย สรกล อดุลยานนท์
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- พบรอยร้าวบ่อฝังกลบกากแคดเมียมของ เบาด์ แอนด์ บียอนด์
- เปิดไทม์ไลน์ลูกค้าซิตี้แบงก์ต้องรู้! ก่อนโอนย้ายบัญชีมาเป็น “ยูโอบี” 21 เม.ย.นี้
ตอนนี้คนที่น่าสงสารที่สุดในเมืองไทย คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
เพราะหลังจากที่เข้าสู่โหมดการเลือกตั้ง เขาก็กลายเป็น “หมู่บ้านกระสุนตก”
ต้องยอมรับว่าช่วงเวลา 4 ปีกว่าของรัฐบาลชุดนี้ พล.อ.ประยุทธ์ไม่เคยถูกตรวจสอบอย่างจริงจัง
เพราะในสภาไม่มีตัวแทนของประชาชน
ไม่มี ส.ส.ฝ่ายค้านที่ตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล
มีอำนาจพิเศษของ คสช.ที่จะเชิญใครมาปรับทัศนคติก็ได้
ภาวะแบบนี้ทำให้เกิด “ภาพลวงตา” ขึ้นมา
แต่ทันทีที่ คสช.ต้องปลดล็อกทางการเมืองเพื่อคืนอำนาจให้ประชาชน
อะไรที่ไม่เคยเจอก็ได้เจอ
อะไรที่ไม่เคยได้ยินก็ได้ยิน
ยิ่ง พล.อ.ประยุทธ์เปลี่ยนตำแหน่งการยืนจาก “กรรมการ” มาเป็น “ผู้เล่น” เสียเอง
“กระสุน” ยิ่งตกใส่หนักขึ้น
พรรคพลังประชารัฐที่เหมือนจะกุมความได้เปรียบในช่วงต้น
ทั้งอำนาจรัฐและอำนาจเงิน
วันนี้กลายเป็น “กระสอบทรายเคลื่อนที่” ทางการเมือง
ทุกพรรครัวหมัดใส่พรรคพลังประชารัฐเป็นจุดเดียว
และกระทบชิ่งใส่ พล.อ.ประยุทธ์ด้วย
เรื่องที่รัฐบาลโดนโจมตีหนักที่สุด คือ เรื่องเศรษฐกิจ
ทั้งที่ตัวเลขดัชนีต่าง ๆ ออกมาค่อนข้างดี
แต่ชาวบ้านกลับรู้สึกว่าเศรษฐกิจไม่ดี
“รวยกระจุก จนกระจาย” กลายเป็นคำที่อธิบายปรากฏการณ์นี้ได้ดีที่สุด
พอนักการเมืองเริ่มเดินสายพบประชาชน
นักข่าวไปทำข่าว
ชาวบ้านบ่นกับนักการเมืองว่าเศรษฐกิจไม่ดี
การเคลื่อนของข่าวจึงเกิดขึ้น
ทั้งใน กทม.และต่างจังหวัด
ไปที่ไหนก็บ่นว่าเศรษฐกิจไม่ดี
ขนาด “สุเทพ เทือกสุบรรณ” ที่เชียร์รัฐบาลมาตลอด ยังยอมรับเลยว่าเศรษฐกิจอยู่ในขั้น “สาหัส”
ตอนนี้ พล.อ.ประยุทธ์คงเริ่มงง ๆ แล้วว่าทำไมเสียงบ่นของชาวบ้านจึงต่างจากตัวเลขต่าง ๆ ที่ได้ยินในห้องประชุม ครม.
พอเริ่มเดินสายเข้าตลาดสดบ้างจึงเริ่มรู้สึก
รับรองได้ว่า 2 เดือนต่อจากนี้ กระแสเรื่องเศรษฐกิจแย่จะแรงขึ้นเรื่อย ๆ จนถึงวันเลือกตั้ง
เรื่องที่สอง เรื่องการเอาเปรียบทางการเมือง
ตามปกติฝ่ายที่เป็นรัฐบาลจะได้เปรียบพรรคอื่น ๆ อยู่แล้ว
แต่ครั้งนี้หนักข้อกว่าครั้งอื่น
ตั้งแต่เรื่องการโปรยเงินผ่าน “บัตรคนจน” และโหมการแจกเงินในรูปแบบต่าง ๆ ก่อนเลือกตั้ง
เรื่องนี้ก็น่าเกลียดมากแล้ว
ยังมีข่าวเรื่องการใช้ “อำนาจรัฐ” เอื้อประโยชน์ให้กับพรรคของตัวเอง
ตั้งแต่ให้ผู้สมัครไปร่วมหาเสียงและถ่ายรูปในการแจก “บัตรคนจน”
จนถึงขั้นบังคับให้สมัครเป็นสมาชิกพรรคถึงจะได้ “บัตรคนจน”
ไม่รวมถึงการคุยโวเรื่องความได้เปรียบทางการเมืองที่มีการวางแผนไว้ล่วงหน้าของนายวันชัย สอนศิริ และนายสมศักดิ์ เทพสุทิน
ตั้งแต่การร่างรัฐธรรมนูญให้วุฒิสมาชิก 250 คนที่ คสช.แต่งตั้งมีสิทธิ์เลือกนายกรัฐมนตรี
พรรคพลังประชารัฐได้ ส.ส.แค่ 150 คนก็ตั้งรัฐบาลได้แล้ว
“ปรบมือสิครับ”
หรือการบอกว่า “รัฐธรรมนูญนี้ดีไซน์มาเพื่อเรา”
เขาลืมไปว่าคนไทยไม่ชอบ “การเอาเปรียบ”
นักมวยไทยชนะเพราะกรรมการโกง คนไทยยังโห่เลย
ถ้าช่วง 2 เดือนนี้ กระแส 2 เรื่องนี้ถูกโหมประโคมจนคนเชื่อ
เชื่อว่าเศรษฐกิจแย่
เชื่อว่ามีการใช้ “อำนาจรัฐ” เอาเปรียบพรรคการเมืองอื่น
ในทางการเมือง “ความเชื่อ” คือ “ความจริง”
และการตัดสินใจลงคะแนนเสียงเลือกตั้งนั้น
“ความรู้สึก” เป็นเรื่องสำคัญที่สุด
“รัก-เกลียด-สงสาร”
รู้สึกอย่างไรก็ลงคะแนนแบบนั้น
ไม่พลาดข่าวสารเศรษฐกิจ เจาะลึกทุกประเด็นทั้งภาครัฐ-เอกชน เพิ่มเราเป็นเพื่อนที่ Line ได้เลย พิมพ์ @prachachat หรือ คลิกลิงก์ https://line.me/R/ti/p/@prachachat
หรือจะสแกน QR Code ในรูป เราพร้อมเสิร์ฟข่าวเศรษฐกิจ-ธุรกิจถึงมือผู้อ่านทันที!