คอลัมน์ Market – think
โดย สรกุล อดุลยนนท์
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- บังคับใช้แล้ว! หลักเกณฑ์การดำเนินงาน 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว
- อะไรทำให้ “ทองคำ” แพง สงคราม หรือการเก็งกำไร ?
ถ้าไม่เคยสัมภาษณ์ “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” ในรายการ “ฟาสต์ฟู้ดธุรกิจ Live”
คุยกันเรื่องธุรกิจ วิธีคิดและการบริหาร “ไทยซัมมิท ออโต้พาร์ท” แบบไม่มีเรื่อง “การเมือง” เจือปนเลย
ผมก็คงรู้สึกเหมือนหลาย ๆ คน ตอนที่เขาแถลงข่าวเรื่อง “ไฮเปอร์ลูป : ความเป็นไปได้ทางเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมไทย”
ค่อนข้างเพ้อฝัน หรือไปไกลเกินไป
เพราะ “ไฮเปอร์ลูป” ที่เป็นแนวคิดของ “อีลอน มัสก์” นั้นยังเป็นโครงการทดลองอยู่เลย
“รถไฟฟ้าความเร็วสูง” ต่างหาก คือ “ของจริง”
เพราะมีใช้กันแพร่หลายแล้วในโลก
ทำไมเมืองไทยต้องมีลงทุนกับโครงการที่ยังอยู่ในขั้นตอนศึกษาและพัฒนา
ประเด็นนี้น่าสนใจครับ
ถ้า “ธนาธร” ไม่ใช่ “นักการเมือง”
และไม่ได้อยู่ในช่วงโค้งสุดท้ายของการเลือกตั้ง
“ไฮเปอร์ลูป” เป็นประเด็นที่น่าถกเถียงกันมากเลยครับ
ทั้งเรื่อง “เทคโนโลยี” และ “วิธีคิด” ของ “ธนาธร”
แต่พอมีเรื่อง “การเมือง” มาเกี่ยวพัน
การคุยกันเรื่องนี้จึงอาจถูกตีความไปในมุมอื่นได้
เพราะ “วิธีคิด” ของ “ธนาธร” ใหม่มาก
ถ้าดูจากประวัติของเขา ที่เป็นนักอุตสาหกรรมมาเกือบทั้งชีวิต คลุกคลีกับอุตสาหกรรมชิ้นส่วนรถยนต์
เขาบุกเบิกสิ่งใหม่เยอะมาก
ไม่ว่าจะเป็นการออกไปตั้งโรงงานชิ้นส่วนรถยนต์ใน 7 ประเทศ
แต่ละประเทศรวมกันมีประชากรเกินครึ่งโลก
ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐอเมริกา จีน อินเดีย อินโดนีเซีย ฯลฯ
บริษัทลงทุนตั้งหน่วยงานวิจัยและพัฒนา สร้างเทคโนโลยีของตัวเอง
จนกระทั่ง “อีลอน มัสก์” เลือกเขาเป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนให้กับรถยนต์ไฟฟ้า “เทสลา”
ด้วยประสบการณ์เช่นนี้ทำให้เวลามองเรื่องการพัฒนาเศรษฐกิจไทย
“ธนาธร” มองไม่เหมือนคนอื่น
เขาคิดตั้งโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้า โรงงานทำรถไฟ
การลงทุนด้านอุตสาหกรรมคมนาคมที่เคยคิดแต่จะซื้อเทคโนโลยีหรืออุปกรณ์ต่าง ๆ จากต่างประเทศ
ใช้งบประมาณมหาศาล
“ธนาธร” มั่นใจว่าคนไทยทำได้
เพราะเขาเคยทำชิ้นส่วนป้อน “เทสลา” มาแล้ว
งบฯลงทุนมหาศาลแทนที่ต้องจ่ายให้ต่างชาติ และกับ “สินค้า” และ “เทคโนโลยี”
เขาคิดอีกมุมหนึ่ง คือ นำเงินก้อนนี้เอากลับมาสร้างอุตสาหกรรมใหม่ในเมืองไทย
ได้ทั้งเทคโนโลยี สินค้า และสร้างงานให้กับคนไทย
“ธนาธร” ซุ่มไปดูโครงการไฮเปอร์ลูปที่ต่างประเทศ
ควักเงินส่วนตัวจ้างบริษัทชั้นนำในต่างประเทศศึกษาโครงการ “ไฮเปอร์ลูป” อย่างจริงจัง
ก่อนจะมาแถลงข่าวเมื่อวันก่อน
ประเด็นที่น่าสนใจที่เขานำเสนอ คือ แนวทางการพัฒนาประเทศ
ประเทศที่มาทีหลังมี 3 ทางเลือกในการพัฒนาเทคโนโลยี
1.การเดินตามผู้นำ ให้ผู้นำที่คิดเสร็จแล้วถ่ายทอดเทคโนโลยีมาให้ซึ่งไทยเดินเส้นทางนี้มาตลอด
2.อาศัยความได้เปรียบจากการมาทีหลัง กระโดดข้ามลัดขั้นตอนไปเลย
ผมนึกถึงวิธีคิดของ “จีน” ที่เขาบุกอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า
ไม่สนใจรถยนต์ที่ใช้น้ำมัน
กระโดดข้ามไปดักหน้าเลย
เพราะจีนรู้ว่าถ้าสู้ในเรื่องรถยนต์ที่ใช้น้ำมัน
เขาสู้ญี่ปุ่นไม่ได้
แต่ถ้าเริ่มลงทุนในรถยนต์ไฟฟ้าก่อน
จีนมีโอกาสเป็นผู้นำในตลาดนี้
3.กล้าเลือกเส้นทางใหม่เลย
“ธนาธร” เสนอ “ไฮเปอร์ลูป” เป็น “ทางเลือกใหม่”
เพราะตอนนี้เพิ่งอยู่ในช่วงเริ่มต้น ยังไม่มีใครเป็น “ผู้นำ”
เขาไม่ได้เสนอให้นำมาใช้เลย
แต่เสนอให้ตั้งคณะทำงานเพื่อศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุน และวิจัยพัฒนาเทคโนโลยีที่เกี่ยวกับ “ไฮเปอร์ลูป”
ถ้าใช้ได้ก็ลุยเลย
แต่ถ้าไม่ได้ “องค์ความรู้” ที่ได้จากการศึกษาก็จะนำไปใช้ในเรื่องเทคโนโลยีไฟฟ้า อวกาศ คมนาคม เกษตร ฯลฯ ได้
วันนี้อาจฟังดูเป็น “การหาเสียง” ของนักการเมืองคนหนึ่ง
แต่สำหรับผม “วิธีคิด” ของเขาน่าสนใจมาก
นึกถึง “เกาหลีใต้” ที่สินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าของเขาเคยเป็นสินค้าราคาคุณภาพต่ำ ราคาถูก
แต่วันนี้เขามี “ซัมซุง”
มีเทคโนโลยีที่แม้แต่ “สตีฟ จ็อบส์” ยังต้องนำมาใช้ใน “ไอโฟน”
เพราะเขากล้าคิด กล้าทำ
เชื่อมั่นว่า “ทำได้”
และมีฝันใหญ่ที่จะเป็น “ผู้นำ”
“เกาหลีใต้” ทำได้
แล้วทำไมเมืองไทยไม่กล้าคิด
แบบนี้บ้าง