
วันก่อน ผมเพิ่งซื้อหนังสือ “ทำไม NETFLIX ถึงมีแต่คนโคตรเก่ง”
ซื้อเพราะอยากรู้วัฒนธรรมการทำงานของ NETFLIX
- ราชกิจจาฯประกาศ อัตราผลประโยชน์เงินบำเหน็จชราภาพ ผู้ประกันตน ม.40
- บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เริ่มใช้ 1 เม.ย.66 รับเงินคนละกี่บาทต่อเดือน เช็กที่นี่
- ทุนใหญ่ สารสิน-มหากิจศิริ เปิดสายการบินใหม่รับท่องเที่ยวฟื้น
คนเขียนชื่อ “แพตตี้ แมคคอร์ด” เป็นอดีตเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายจัดสรรทรัพยากรบุคคลที่ NETFLIX
วิธีการอ่านหนังสือ HOW TO ของผมก็คือ เปิดหน้าสารบัญ
ดูเรื่องที่น่าสนใจที่สุดแล้วเปิดอ่านก่อน ไม่ต้องอ่านเรียงตามบทเหมือนนิยายหรือหนังสืออื่น ๆ
เพราะหนังสือ HOW TO ของฝรั่งส่วนใหญ่ เป็นหนังสือเพื่อการใช้งาน
เราสามารถประกอบร่างหรือเรียบเรียงใหม่ทีหลังได้
เล่มนี้ ผมเลือกอ่านบทที่ชื่อว่า “ศิลปะของการจากลาด้วยดี” เป็นบทแรก
เพราะตอนนี้สถานการณ์เศรษฐกิจไม่ค่อยดี และกระแส Disrupt จากเทคโนโลยีสมัยใหม่กำลังทำลายล้างธุรกิจดั้งเดิม
การปลดพนักงานเป็นเรื่องหนึ่งที่มีโอกาสเกิดขึ้นได้
ทำอย่างไรเราจะจากลากันด้วยดี ฟังดูแล้ว “โรแมนติก” ไปหน่อย
เพราะพนักงานที่ถูกปลดออกย่อมไม่รู้สึกดีอย่างแน่นอน
เขาย่อมรู้สึกว่าเป็น “ผู้ถูกกระทำ” แม้จะเข้าใจความจำเป็นขององค์กรก็ตาม
“แพตตี้ แมคคอร์ด” บอกว่าเธอไม่ชอบให้นำเรื่อง “ความผูกพัน” มาใช้ในเชิงธุรกิจ
ในการสัมมนาครั้งหนึ่งที่เธอไปพูดให้พนักงานฝ่ายบุคคลเต็มห้องฟัง
เธอตั้งคำถามว่า “ไหนมีใครเคยปลดคนออกจากงานบ้าง” ทุกคนยกมือ
“แล้วใครเคยปลดสมาชิกในครอบครัวออกบ้าง”
ไม่มีใครยกมือเลย
ครับ เธอกำลังบอกว่าอย่าใช้คำว่า “เราอยู่กันแบบครอบครัว” ในที่ทำงาน
เพราะความจริงไม่เป็นเช่นนั้น
พนักงานมักจะเดินมาขอคำแนะนำในการทำงานจาก “แมคคอร์ด”
เธอจะเริ่มต้นแนะนำเรื่องการพัฒนาตัวเอง
“คุณควรจะเป็นนักเรียนผู้เรียนรู้ไปตลอดชีวิต คุณควรจะเสริมทักษะใหม่และหาประสบการณ์ใหม่อยู่เสมอ ซึ่งไม่จำเป็นต้องหาจากบริษัทเดิมก็ได้”
และสรุปสัจธรรมของพนักงานประจำ
“ความจริงก็คือบางครั้งคุณได้รับการว่าจ้างจากบริษัทหนึ่งเพื่อให้ทำสิ่งหนึ่ง และคุณทำมันแล้ว ทุกอย่างก็จบ
ถ้าฉันจ้างคนมาทำโรงจอดรถให้ใหม่ พอพวกเขาทำงานจนเสร็จ ฉันก็ไม่ต้องการให้เขามาซ่อมหลังบ้านฉันแล้ว”
เธอกำลังบอกว่าทุกคนมีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน
เคยประสบความสำเร็จในงานของตัวเองมาก่อน
แต่เมื่อโลกเปลี่ยนไปหรือความต้องการขององค์กรเปลี่ยนไป
เขาก็ต้องการ “คน” อีกแบบหนึ่ง วิธีการที่ดีที่สุด คือ การพูดแบบตรงไปตรงมา ไม่ใส่ร้ายป้ายสีเขา
ไม่ตัดสินว่าเขาผิดพลาด แต่แจกแจงให้เห็นว่าเขาไม่เหมาะกับ
สิ่งที่องค์กรต้องการ มันไม่ใช่เรื่องส่วนตัวและไม่ใช่ความผิดพลาด
ไม่ควรจะใช้กลวิธีการทำร้ายกัน เช่น การย้ายไปตำแหน่งที่ไม่มีความสำคัญเพื่อกดดันให้พนักงานลาออก
“เมื่อเราจ้างใครมาทำงานแล้วผลปรากฏว่าเขาทำไม่ได้ ปัญหาอยู่ที่กระบวนการจ้างงาน ไม่ใช่ตัวบุคคล”
“คุณจ้างคนผิด ไม่ใช่ความผิดของเขา เพราะฉะนั้นคุณไม่ควรทำให้เขารู้สึกอย่างนั้น”
ในมุมของพนักงานนอกจากจะต้องเข้าใจ “ความจริง” ที่แสนจะเจ็บปวดเรื่องนี้แล้ว
การถูก “ให้ออก” ไม่ได้หมายความว่าเขาไม่มีคุณค่า
เพียงแต่เขาไม่ได้อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม
“คนที่ไม่ประสบความสำเร็จในบริษัทหนึ่งอาจไปต่อแล้วเป็นดาวเด่นในอีกบริษัทหนึ่งก็ได้
หลายครั้งที่ฉันพบว่าคนที่คิดว่าไม่ค่อยได้เรื่องเท่าไรก็ไปรุ่งที่อื่นเพราะเขาอยู่ถูกที่ถูกทาง”
ปัจจุบัน “แพตตี้ แม็คคอร์ด” ไม่ได้ทำงานกับ NETFLIX แล้ว
เธอกับ “รีด เฮสติงส์” ทำงานด้วยกันมานาน
วันหนึ่ง “รีดกับฉันต่างเห็นพ้องตรงกันว่าได้เวลาที่ฉันจะไปแล้ว”
และ “ฉันเคารพหลักการของรีดเรื่องการเลือกทีมในอนาคตของตัวเอง”
“แพตตี้ แมคคอร์ด” ออกไปด้วยความรู้สึกที่ยังเชื่อมั่นในคุณค่าของตัวเอง
เธอทำ “โรงจอดรถ” เสร็จแล้ว
งาน “ซ่อมหลังบ้าน” เป็นงานของคนอื่น