คอลัมน์ Market-Think
โดย สรกล อดุลยานนท์
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
- ยูโอบี ย้ำลูกค้าบัตรเครดิตซิตี้ ยังใช้งานได้ปกติ แจงสิ่งควรรู้หลังโอนพอร์ต
- โปรดเกล้าฯ พระราชทานยศ ข้าราชการในพระองค์ฝ่ายทหาร 3 ราย
ตอนหลังเวลาไปบรรยายเรื่องธุรกิจ มีเรื่องหนึ่งที่ผมจะเตือนผู้ประกอบการทุกคน
คือ เรื่องให้ระวังคู่แข่ง “ข้ามสายพันธุ์”
เพราะ “คู่แข่ง” เดิม ๆ นั้นพอรู้ทางกัน
แต่คู่แข่งที่มาจากธุรกิจอื่น เขาจะไม่คิดเหมือนเดิม
เขาจะตั้งคำถามกับรูปแบบธุรกิจที่เราคุ้นชิน
สงสัยว่าทำไมต้องเป็นแบบนั้น
ทำไมต้องทำแบบนี้
ความจริงแล้วคำถามนี้น่าจะเป็นคำถามที่เจ้าของกิจการทุกคนควรจะถาม
แต่เนื่องจากเราเคยชินมานาน
จนลืมตั้งคำถามกับ “งาน” ของตัวเอง
ธุรกิจโรงแรม ไม่เคยถามว่า
ทำไมต้องมี “ด้าย” และ “เข็ม” ในห้องพัก
มีคนใช้จริง ๆ เยอะไหม
หรือแทบไม่มีเลย
หรือ “ของ” ที่อยู่ในตู้เย็นมีไว้ทำไม
มีคนกินมากน้อยแค่ไหน
ที่ผ่านมาทุกโรงแรมชั้นนำมี ใครทำโรงแรมใหม่ก็เลยต้องทำตามไปด้วย
มีคนบอกว่าในต่างประเทศ ของในตู้เย็นอาจจำเป็นเพราะพอค่ำ ๆ ร้านค้าต่าง ๆ ก็ปิดหมด
หรือหนาวมากออกไปไหนไม่ได้
เมืองไทยก็เลยทำตาม
หรือในอดีตเมืองไทยต้องมีเครื่องดื่มไว้ในตู้เย็น เพราะออกไปซื้อของข้างนอกลำบาก
ยังไม่มีเซเว่น อีเลฟเว่นเกลื่อนเมืองเหมือนวันนี้
นอกจากนั้นยังเป็นการหา “รายได้” เพิ่มของโรงแรมอีกทางหนึ่ง
เพราะเครื่องดื่มในตู้เย็นที่ห้องพัก
จะแพงกว่าราคาเครื่องดื่มปกติเกือบเท่าตัว
แต่โลกวันนี้เปลี่ยนไปแล้ว
ร้านสะดวกซื้อเกลื่อนเมือง คนที่อยากกินอะไรเขาก็ซื้อของจากข้างนอกไปแช่ไว้ในตู้เย็น
วันนี้เครื่องดื่มในตู้เย็นกลายเป็นภาระของพนักงานที่ต้องตรวจเช็กว่ามีเครื่องดื่มครบไหมก่อนลูกค้าเข้าพัก
พอลูกค้าเช็กเอ้าต์ก็ต้องมาเช็กว่าใครกินอะไรไปบ้าง
ทุกคนทำตามเคยชินนาน ๆ จนลืมตรวจสอบว่า “รายรับ” กับ “รายจ่าย” หรือภาระงานที่เพิ่มขึ้นคุ้มหรือไม่
เวลาคุยเรื่องนี้ ผมจะยกตัวอย่าง คุณอนันต์ อัศวโภคิน ที่ข้ามสายพันธุ์จากอสังหาริมทรัพย์มาทำโรงแรม
โรงแรมของเขาไม่มีของในตู้เย็นเลย ยกเว้นน้ำดื่ม
ใครอยากกินอะไรให้ซื้อเข้ามา
ในห้องพักมีตู้เย็นขนาดใหญ่ ไมโครเวฟ พร้อม
ทั้งหมดเกิดขึ้นจากคำถามง่าย ๆ แบบนี้ล่ะครับ
ของในตู้เย็นมีไว้ทำไม
คุ้มหรือไม่
ล่าสุด เขามีไอเดียใหม่ครับ
ติดตั้ง “ตู้กด” อยู่หน้าลิฟต์ทุกชั้น
เป็นตู้กดคล้าย ๆ กับที่เห็นในอาคารสำนักงาน
ในตู้กดนี้มีเครื่องดื่มทุกประเภท
มีบะหมี่สำเร็จรูป มีขนม
ลูกค้าทุกคนเห็นก็สบายใจ รู้แล้วว่าไม่ต้องซื้ออะไรขึ้นมาใส่ในตู้เย็น
เพราะมี “ตู้กด” อยู่ใกล้ห้องพัก
ใครอยากกินอะไรมากดไป
ตอนดึก ๆ หิวขึ้นมาก็เดินมาที่ลิฟต์
ปรากฏว่าได้รับความนิยมสูงมากครับ
ลูกค้าชอบ
พนักงานโรงแรมก็ไม่มีภาระในการเอาของเข้าตู้เย็น หรือเช็คของตอนลูกค้าเช็กเอ้าต์
แค่เอาของมาใส่ใน “ตู้กด” เท่านั้นก็พอ
โรงแรมก็มีรายได้จากการขายอาหารและเครื่องดื่มจาก “ตู้กด” ครับ เรื่องแบบนี้ไม่ต้องรอให้
“คู่แข่ง” ข้ามสายพันธุ์เข้ามาก็ได้
ขอเพียงกลับไปตั้งคำถามกับธุรกิจของตัวเอง
ด้วยมุมมองของ “ลูกค้า”
กล้าที่จะก้าวข้าม “ความเคยชิน” เดิม ๆ
เราก็จะได้สินค้าหรือบริการที่ดีกว่าคู่แข่ง
แค่นั้นเอง