marketthink สรกล อดุลยานนท์
ไปที่ไหนก็มีแต่คนชมโครงการ “คนละครึ่ง” ของรัฐบาล
เพราะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของประชาชนและเพิ่มยอดขายให้กับร้านค้ารายย่อยได้อย่างชัดเจน
- สถิติหวย ตรวจหวย ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล งวด 16 เมษายน ย้อนหลัง 10 ปี
- ตรวจหวย ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล ตรวจผลรางวัล งวด 16 เมษายน 2567
- หวยงวด 16 เมษายน ถ่ายทอดสด ตรวจผลรางวัล ผลสลากกินแบ่งฯ วันนี้ (16 เม.ย. 67)
ส่วนหนึ่งเพราะโครงการนี้ไม่ซับซ้อน
ตรงไปตรงมา ใช้งานง่าย
ผมชอบวิธีคิดของโครงการนี้ที่เล่นกับค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันที่ต้องกินต้องใช้อยู่แล้ว
รัฐช่วย 150 บาทต่อวัน
แต่รวมทั้งหมด 3,000 บาทต่อคนภายในสิ้นปีนี้
รัฐไม่ได้ให้เป็นเงินสด
แต่แจกเงินดิจิทัลเข้ากระเป๋าชาวบ้าน
บังคับให้ใช้ตามร้านค้าต่าง ๆ
ส่วนร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการก็ได้เงินสดครึ่งหนึ่งจากลูกค้า อีกครึ่งหนึ่งเป็นเงินดิจิทัลที่รัฐบาลจะโอนให้ภายหลัง
ในมุมของชาวบ้านที่ไปซื้อของหรืออาหารในร้านค้าต่าง ๆ ก็เหมือนกับว่ามีคนช่วยจ่ายครึ่งหนึ่ง
จ่ายเองแค่ครึ่งเดียว
มองสินค้าทั้งร้านคล้าย ๆ กับว่าติดป้าย sale ลด 50% ทั้งร้าน
รุ่นพี่คนหนึ่งเล่าว่าช่วงเริ่มโครงการผู้จัดการแบงก์ออมสินแห่งหนึ่ง ต้องไปชวนร้านค้าที่เป็นลูกค้าของแบงก์เข้าโครงการคนละครึ่ง
ส่วนใหญ่ไม่อยากเข้าร่วม
ต้องอ้อนวอนขอร้อง
จนร้านค้าต่าง ๆ ยอมเข้าร่วมเพราะเกรงใจผู้จัดการแบงก์
แต่ไม่ได้หวังผลอะไรจากโครงการนี้
ผ่านไปแค่เดือนเดียว สถานการณ์ทุกอย่างเปลี่ยนไป
วันนี้ผู้จัดการแบงก์คนนี้เดินผ่านร้านค้า เจ้าของร้านยกมือไหว้ขอบคุณเลย
เพราะขายดีมาก
ส่วนร้านที่ไม่เข้าโครงการ ยอดขายหายไปเห็น ๆ เลยครับ
นึกถึงเวลาที่เราเดินผ่านร้านอาหาร 2 ร้าน
ร้านหนึ่งเข้าโครงการคนละครึ่ง อีกร้านไม่เข้าร่วม
เราจะเข้าร้านไหน
ร้านที่ขายราคาเต็ม หรืออีกร้านหนึ่งที่เราควักจ่ายแค่ 50%
เราคงเลือกร้าน “คนละครึ่ง” แน่นอน
มาตรการนี้จึงช่วยให้ร้านค้าย่อยได้ประโยชน์ถ้วนหน้า
ไม่เหมือนโครงการก่อน ๆ ของรัฐบาลที่มีข้อครหาว่าช่วย “เจ้าสัว”
วิธีการของโครงการ “คนละครึ่ง” ช่วยเพิ่มกำลังซื้อของชาวบ้านระดับล่างแบบตรงไปตรงมา และช่วยเพิ่มยอดขายให้กับร้านค้าย่อย
เหมือนกับการกระตุ้นเศรษฐกิจแบบรดน้ำที่ราก
ไม่ใช่รดน้ำที่ใบ
แบบนี้เงินจะหมุนหลายรอบ
ถามว่าโครงการนี้มีช่องโหว่ให้ร้านค้าทุจริตไหม
ตอบได้เลยว่า “มี”
ถ้าลูกค้ากับร้านค้ารู้กัน ไม่มีการซื้อขายจริง
แล้วเอาเงินสดที่รัฐโอนให้มาแบ่งกัน
ทำได้ไหม
ทำได้
แต่ถามว่าจะมีคนทำแบบนี้เยอะไหม ไม่น่าจะเยอะมาก
เพราะจำนวนเงินน้อย
และชาวบ้านเอาไปใช้จ่ายในโครงการ “คนละครึ่ง” จริง ๆ จะได้ประโยชน์มากกว่า
ถ้าคิดแบบเดิมๆก็ต้องพยายามหาทางป้องกันด้วยการเพิ่มขั้นตอนต่าง ๆ ให้มากขึ้น
พอป้องกันมาก ๆ เข้าการใช้งานก็ยุ่งยาก
สุดท้ายคนก็ไม่ใช้
กลายเป็นว่าพยายามป้องกัน “ปัญหา” ที่เกิดจากคนไม่กี่คน
แต่ทำลาย “โอกาส” ของคนจำนวนมาก
โชคดีที่ทีมเศรษฐกิจชุดนี้เลือก “โอกาส” มากกว่า “ปัญหา”
อยากรู้จริง ๆ ว่าใครคิดโครงการนี้
ชื่นชมครับ