Market-think สรกล อดุลยานนท์
จำได้ว่าเมื่อประมาณกลางปีที่แล้ว รายการ “สุทธิชัย หยุ่น LIVE” สัมภาษณ์เอกอัครราชทูตไทยประจำประเทศเพื่อนบ้านหลายประเทศ
ตอนนั้นเขาคุยกันเรื่องสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในแต่ละประเทศ
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- บังคับใช้แล้ว! หลักเกณฑ์การดำเนินงาน 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว
- กีรติ รัชโน ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เสียชีวิต อายุ 56 ปี
ประเทศไหนติดเชื้อกันเท่าไร มีแผนอย่างไรกันบ้าง
ผมสะดุดตรงที่ทูตไทยประจำเวียดนามเล่าเรื่องการรับมือของรัฐบาลเวียดนาม
ตอนนั้นการควบคุมโรคของเวียดนามกับไทยนั้นสูสีกัน
ก่อนที่เวียดนามจะชนะไทยไปหวุดหวิด
ไทยได้อันดับที่ 4 ของโลก
เวียดนามอันดับที่ 2
ในวันนั้นนอกเหนือจากแผนรับมือกับไวรัสโควิด-19 แล้ว ท่านทูตไทยประจำเวียดนามบอกด้วยว่ารัฐบาลเวียดนามเขาตั้งทีมขึ้นมาทีมหนึ่ง
เป็นทีมแสวงหา “โอกาส”
ทีมนี้ไม่ต้องสนใจ “ปัญหา”
วางแผนเลยว่าจะทำอะไรบ้างหลังวิกฤติโควิด-19 เพื่อให้ประเทศได้ประโยชน์สูงสุด
ต้องยอมรับว่าท่ามกลางวิกฤติโควิด-19 ประเทศที่โดดเด่นที่สุดในอาเซียน คือเวียดนาม
ประเทศไทยได้อย่าง เสียอย่าง
คือ ควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดได้ดีมาก แต่เศรษฐกิจพังพินาศ
จีดีพี ติดลบและแย่ที่สุดในอาเซียน
ในขณะที่เวียดนามคุมการแพร่เชื้อได้ดีกว่าไทย เป็นอันดับ 1 ของอาเซียน
และจีดีพีก็สูงที่สุดในอาเซียนด้วย
บริษัทที่ย้ายการผลิตหนีสงครามการค้า “จีน-สหรัฐอเมริกา” และปรับแผนห่วงโซ่การผลิตหลังจากเจอปัญหาโควิด-19 ที่จีน
ส่วนใหญ่เบนเข็มไปที่เวียดนาม
ไม่เลือก “ไทย” ที่อุตส่าห์ลงทุน “อีอีซี” รอไว้
ล่าสุด แอลจีก็ไปลงทุนเพิ่มอีก 750 ล้านเหรียญสหรัฐ
ไม่แปลกที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีจะตั้งคำถามในที่ประชุม ครม.ว่าทำไมการเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยจึงต่ำกว่าเวียดนาม ทั้งที่ไทยได้เปรียบหรือเหนือกว่าหลายด้าน
เป็นคำถามที่ถูกต้อง
แต่ควรถามมานานแล้ว
และอย่าลืมว่าคนเป็น “ผู้นำ” ต้องถามตัวเองด้วย
เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้เพิ่งเป็นนายกรัฐมนตรี แต่เป็นมาแล้ว 6 ปีกว่า
แพ้เวียดนามมาตลอด
คำถามที่ถูกต้องอาจต้องเป็น…ในยุครัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ทำไมการเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยจึงต่ำกว่าเวียดนาม
ผมไม่รู้ว่าวันนี้รัฐบาลไทยได้คิดวางแผนเรื่อง “โอกาส” หลังโควิด-19 บ้างไหม
เราต้องคิดเรื่องการ “Take off Thailand” ได้แล้ว
โดยเฉพาะเรื่อง “การท่องเที่ยว”
ทุกประเทศกำลังแข่งกันในเรื่อง “วัคซีน”
เพราะประเทศไหนปลอดเชื้อก่อนได้เปรียบ
วันก่อน ผมเห็นเพจของนักเขียน นักเดินทางชื่อดังคนหนึ่ง เขียน advertorial เกี่ยวกับความประทับใจเมืองโตเกียว
และให้คนอ่านส่งรูปที่ถ่ายที่โตเกียวมา
ผู้โชคดีจะได้รางวัล
ครับ ญี่ปุ่นเขาเริ่มบุกเรื่องการท่องเที่ยวแล้ว ทั้งที่สถานการณ์โควิด-19 ของเขาแย่กว่าเมืองไทยอีก
ส่วนหนึ่ง เพราะญี่ปุ่นจะจัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกในกลางปีนี้ หลังจากเลื่อนมาจากปีที่แล้ว
แต่อีกส่วนหนึ่ง คือ เขาต้องการกระตุ้นความทรงจำของคนไทยที่ชอบญี่ปุ่น
เป็นยุทธการยึดพื้นที่ในใจนักท่องเที่ยวก่อนใคร
เริ่มก่อนได้เปรียบ
ผมไม่รู้ว่าตอนนี้รัฐบาลไทยคิดเรื่องนี้แค่ไหน คิดล่วงหน้าไว้แล้วหรือยัง
เพราะยุทธศาสตร์เรื่องการท่องเที่ยวต้องสอดรับกับยุทธศาสตร์การจัดหาวัคซีนด้วย
“คุณหมอ” ก็ต้องฟัง
แต่อย่าลืมฟังคนในธุรกิจการท่องเที่ยวด้วย
บางทีต้องคิดเรื่องการประชาสัมพันธ์ล่วงหน้าเหมือนกับญี่ปุ่น
ต้องยอมรับว่าคนไทยชอบญี่ปุ่น
เหมือนคนจีนชอบเมืองไทย
ก่อนโควิด-19 คนไทยไปเที่ยวญี่ปุ่นเยอะมาก ไปที่ไหนก็เจอแต่คนไทยด้วยกัน
ตอนนี้คนที่ยังมีเงินแทบทุกคนมีอาการ “หิวญี่ปุ่น” อยากไปเที่ยวญี่ปุ่น
คนกลุ่มนี้ส่วนใหญ่ไม่รีบฉีดวัคซีน รอให้คนอื่นฉีดก่อน เพราะกลัวผลข้างเคียง
แต่พอถามว่าถ้าญี่ปุ่นเปิดประเทศ แต่มีเงื่อนไขว่าคนไปเที่ยวต้องฉีดวัคซีน
“จะฉีดไหม”
เชื่อไหมครับ ตอบว่า “ฉีด” ทุกคนเลย