คอลัมน์ Market-Think
โดย สรกล อดุลยานนท์
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- บังคับใช้แล้ว! หลักเกณฑ์การดำเนินงาน 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว
- รักษาการอธิบดี DSI เปิดเงื่อนไข “ขนย้ายกากแคดเมียม” เข้าข่ายเป็นคดีพิเศษหรือไม่
สงสารทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลตอนนี้มากเลยครับ
ในขณะที่กำลังจะสร้าง ความเชื่อมั่น ให้กับนักลงทุนเพื่อให้ลงทุนในประเทศมากขึ้น
ทั้งปลุกเร้าด้วยคำพูด
พยายามโชว์ตัวเลขเศรษฐกิจดี ๆ
บางทีก็ขอร้อง อ้อนวอนกึ่งน้อยใจ ฯลฯ
แต่เหมือนกับว่าสถานการณ์ต่าง ๆ จะไม่ค่อยเป็นใจเท่าไรนัก
ตัวเลขการลงทุนต่างประเทศของนักลงทุนไทยยังเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
ด้านหนึ่ง เป็นเรื่องโอกาสทางธุรกิจ
ด้านหนึ่ง คือ การกระจายความเสี่ยงทั้งเรื่องการเมือง เศรษฐกิจและอื่น ๆ อีกมากมาย
การลงทุนภาคเอกชนในประเทศยังน้อยมาก
เป็น เครื่องยนต์ เศรษฐกิจที่ยังไม่ทำงาน
ในขณะที่ตอนนี้สถานการณ์เริ่มหนักขึ้น
ตัวเลข หนี้เสีย เพิ่ม
และลามจากล่างขึ้นบน
จากหนี้บัตรเครดิต มาถึง เอสเอ็มอี
ตอนนี้เริ่มลามถึง รายใหญ่ บ้างแล้ว
เรื่องตั๋วเงินระยะสั้นหรือ บี/อี เริ่มส่งผลสะเทือนแล้ว
ไม่ว่ากรณีของ เอ็นเนอร์ยี่ เอิร์ธ ที่แบงก์ชาติสั่งให้แบงก์กรุงไทยสำรองหนี้เต็มจำนวน 12,000 ล้านบาท
หรือกรณีของ เพซ เจ้าของตึกมหานครก็ต้องเจรจากับแบงก์ไทยพาณิชย์ขอการสนับสนุนเพื่อลดยอดตั๋วบี/อีที่จะหมดอายุในปีนี้และปีหน้า
เปลี่ยนหนี้ระยะสั้นเป็นหนี้ระยะยาว
เปลี่ยนจากตั๋วบี/อีมาเป็นการกู้แบงก์
แสดงให้เห็นว่าภาคเอกชนเริ่มรู้แล้วว่า ความเชื่อมั่น ใน ตั๋วบี/อี มีปัญหา
จากเดิมที่พอตั๋วบี/อีจะหมดอายุก็ออกใหม่มาจ่ายเก่าได้
เพราะมี ความเชื่อมั่น
แต่วันนี้สถาบันการเงินหรือนักลงทุนเริ่มไม่มั่นใจ ทำให้การออกตั๋วบี/อีใหม่เพื่อมาชำระตั๋วบีอีเก่ามีปัญหา
ช่องทางการเงินช่องทางหนึ่งถูกปิดตาย
โชคดีที่สถาบันการเงินแข็งแกร่งอยู่ สภาพคล่องเหลือเยอะ
ปัญหาระดับนี้จึงยังอยู่สถานการณ์ที่รับมือได้สบาย
และการปล่อยสินเชื่อของทุกแบงก์ตอนนี้ค่อนข้างรัดกุม
ใครที่จะกู้เงินจากสถาบันการเงินคงรู้ดีว่ายากลำบากกว่าเดิมแค่ไหน
เพราะแบงก์ค่อนข้างระมัดระวังสูง
นั่นคือ เหตุผลหนึ่งที่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ออกมาโวยแบงก์
เพราะการโอนบ้าน คอนโดฯสะดุด
สร้างเสร็จแล้ว แต่แบงก์ไม่ยอมปล่อยกู้ให้กับคนที่จองไว้ เพราะเครดิตไม่ผ่าน
ภาพด้านหนึ่งเป็นอย่างนี้ มีข่าวเรื่องยอดที่อยู่อาศัยที่ยังค้างสต๊อกอยู่ คือ สร้างเสร็จแล้วแต่ยังขายหรือโอนไม่ได้
รวมทั้งเรื่อง ดีมานด์เทียม ที่ซื้อไว้เก็งกำไร ขายต่อไม่ได้
หรือซื้อไว้ปล่อยเช่า แต่ปล่อยเช่าไม่ออก
แต่อีกภาพหนึ่ง โครงการอสังหาริมทรัพย์หลายโครงการที่เปิดใหม่
มีคนไปรอคิวจองจำนวนมาก
ขายหมดภายในเวลาอันรวดเร็ว
เห็นความขัดแย้งของ 2 ปรากฏการณ์นี้แล้ว หลายคนยังงง ๆ ว่าเกิดอะไรขึ้น
แต่สำหรับคนที่ผ่านวิกฤตเศรษฐกิจมาหลายครั้ง
เขาหาเหตุผลอธิบายไม่ค่อยได้
แต่ด้วยสัญชาตญานบอกได้
อย่างเดียวว่า ต้องระวัง
ไม่ต้องหยุด ไม่ต้องถอย
แต่ทุกย่างก้าวให้ระวัง
กำไรน้อย ดีกว่า ล้มละลาย